วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

กงก์ (Conques)

กงก์ (Conques)

Conques
กงก์ (Conques) เป็นอำเภอของเมืองรอแดซ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ใต้ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ตรงจุดที่แม่น้ำดูร์ดู และแม่น้ำอุชมาบรรจบกัน ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่บนเนินเขาในหุบเขาและเป็นเมืองที่มีถนนแคบและบ้านโบราณที่ยังคงรักษารูปทรงของเมืองในยุคกลางอย่างสมบูรณ์ ฉะนั้นรถคันใหญ่จึงไม่สามารถขับเข้าเมืองได้
การเข้าชมหมู่บ้านจึงต้องทำโดยการจอดรถไว้นอกใจกลางหมู่บ้านและเดิน กลุ่มผู้คนผู้ต้องการอนุรักษ์เมืองสามารถต่อต้านการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่สำเร็จในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งทำให้รักษารูปลักษณะของเมืองไว้ได้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถนนได้รับการลาดยางแต่สายไฟถูกฝังใต้ดินเพื่อซ่อนไม่ให้เสียลักษณะ
Abbey Sainte-Foy แห่งกงก์เป็นจุดพักจุดหนึ่งของนักแสวงบุญบนถนนเซนต์เจมส์ที่นำไปสู่ซานเตียโกเดกอมโปสเตลาในประเทศสเปนปัจจุบัน การก่อสร้างสร้างบนฐานที่เดิมเป็นบาซิลิกาที่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีแอ็บบอทโอโดริคเป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1120
ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบโรมาเนสก์ โดยใช้หินปูนที่มีในท้องถิ่นสลับกับหินชีสต์สีเทา หลังคาเป็นโดมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนจุดตัดที่ต่อมาพังทลายลงมา และมาสร้างใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 15
ในปี ค.ศ. แอบบีแซ็งต์-ฟัวก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ที่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกถนนเซนต์เจมส์ในฝรั่งเศส (World Heritage Sites of the Routes of Santiago de Compostela in France) สิ่งที่เด่นที่สุดของแอบบีคืองานแกะสลักหินอันละเอียดงดงามบนหน้าบันที่เป็นภาพการตัดสินครั้งสุดท้าย[

บอราบอรา

บอราบอรา

borabora
บอราบอรา (อังกฤษ: Bora Boraบอรา-บอรา )(ฝรั่งเศส: Bora-Bora, เสียงอ่าน: [bɔʀa bɔʀa]) หรือ ปอราปอรา (ตาฮีตี: Porapora) เป็นเกาะแห่งหนึ่งของหมู่เกาะโซไซเอตีในเฟรนช์โปลินีเซีย ดินแดนโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศสในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้

ลักษณะเป็นเกาะที่ปกคลุมไปด้วยป่าเขตร้อน มีซากภูเขาไฟหลายลูก พื้นทะเลนิ่งเพราะมีเทือกปะการังล้อมรอบเกาะ และมีหาดทรายที่สวยงาม
บอราบอราเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียง มีรีสอร์ทหรูหรา อยู่หลายแห่ง ไว้สำหรับนักท่องเที่ยว
ในปี ค.ศ. 1767 กัปตันแซมวล วอลลิส อ้างสิทธิครอบครองหมู่เกาะให้แก่อังกฤษ ต่อมา ค.ศ. 1768 หลุยส์-อ็องตวน เดอบูแก็งวีล นักเดินเรือได้อ้างสิทธิให้แก่ฝรั่งเศสแต่ไม่ได้รับการยอมรับในเวลานั้น
ในปีเดียวกันกัปตันเจมส์ คุก พร้อมคณะเดินทางของบริติชรอยัลโซไซเอตี จึงเป็นที่มาของชื่อเกาะ ต่อมามีสถานภาพเป็นดินแดนใต้อารักขาของฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1843

ซานโตรินี

ซานโตรินี

Santorini
ซานโตรินี (, Santorini) หรือ ธีรา (Thera) เป็นเมืองบนเกาะตอนใต้ของทะเลอีเจียน ประเทศกรีซ มีความสวยงามจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยว ว่าเป็นเกาะอันดับ 2 ของโลกที่พวกเขาอยากมา ซึ่งมีสถานทีสำคัญเช่น ยอดเขาโพรฟิทิส อิเลียส  เป็นจุดชมความงดงามของเกาะซานโตรินี เกาะมีความกว้างประมาณ 16 กิโลเมตร อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 567 เมตร
ประวัติศาสตร์ของเกาะนี้ ชาวฟินีเชียนอพยพเข้ามาที่เกาะนี้ราว 3,600 ปี ก่อนคริสตกาล หลังจากนั้นชาวลาโคเนียนก็เข้ามาปกครองเกาะนี้ กระทั่งถึง 3,000 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ไมนอส ผู้ปกครองแห่งเกาะครีตได้แผ่ขยายอิทธิพลด้านศิลปะและวัฒนธรรมจากอารยธรรมมิโนอันมายังเธรา แต่เกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้นในเกาะในช่วงฤดูร้อนช่วง 1,650 ปีก่อนคริสตกาล
ส่งผลให้เกาะเธราแตกออกเป็น 3 เกาะ กระแสลมยังพัดพาเถ้าภูเขาไฟไปไกลจนถึงเกาะต่าง ๆ ในละแวกใกล้เคียงและเกาะครีตที่อยู่ห่างไป 70 กิโลเมตร ไม่เพียงได้รับแรงระเบิดจากภูเขาไฟ ยังเกิดสึนามิที่มีความสูง 100-150 เมตร ถาโถมเข้าด้านเหนือของเกาะครีต ทำลายต้นไม้บ้านเรือน ทำให้เกาะทั้งเกาะจมทะเลในชั่วข้ามคืน
ส่งผลให้อารยธรรมมิโนอันเป็นอันล่มสลาย และเชื่อกันว่ความหายนะของเกาะครีตและหมู่เกาะไซคลาดิสเป็นแรงบันดาลใจให้เพลโต เขียนตำนานเรื่องแอตแลนติส และนำไปสู่การบันทึกถึงเรื่องราวเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของศาสนายูดาย คริสต์และอิสลาม
ทั้งนี้นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสเป็นผู้เริ่มตามรอยอารยธรรมอันสาบสูย โดยในปี ค.ศ. 1860 ได้ขุดค้นบริเวณที่ถูกเถ้าถ่านและลาวาทับถม พบอาคารบ้านเรือน วิหารเทพเจ้า หลุมฝังศพในหุบเขา โรงละคร และข้าวของเครื่องใช้จำนวนมากแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าของยุคสำริด

Krakow

Krakow

Krakow
กรากุฟ (โปแลนด์: Kraków) หรือ คราคูฟ หรือ คราเคา (อังกฤษ: Krakow หรือ Cracow) เป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโปแลนด์และเป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมของนักท่องเที่ยวเขตเมืองเก่าได้รับการบรรจุอยู่ในรายชื่อมรดกโลกเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวิสตูล่าในเขตเลสเซอร์โปแลนด์ เมืองมีที่มาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 7

กรากุฟเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางชั้นนำอย่างมีแบบแผนของสถาบันการศึกษาโปแลนด์ วัฒนธรรมและชีวิตศิลปะ และยังเป็นหนึ่งเมืองศูนย์กลางสำคัญด้านธุรกิจของโปแลนด์ เป็นเมืองหลวงของโปแลนด์ระหว่างปี ค.ศ. 1038 ถึง 1596 เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรแกรนด์ดยุคแห่งคราคาวระหว่างปี 1846 ถึง 1918 และเมืองหลวงของจังหวัดคราครูฟระหว่างศตวรรษที่ 14 ถึงปี 1999 และปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของเขตเลสเซอร์โปแลนด์
เมืองเริ่มเติบโตขึ้นมาตั้งแต่ยุคหิน มีการตั้งรกรากถิ่นฐานในเมืองที่มีความสำคัญที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโปแลนด์นี้ เริ่มต้นในหมู่บ้านในเนินเขาวาเวล และมีการบันทึกว่าเป็นศูนย์กลางการค้าอย่างคึกคักของชาวสลาฟในยุโรปใน ค.ศ. 965 หลังจากสาธารณรัฐโปแลนด์ที่ 2 และในศตวรรษที่ 20 กรากุฟก็เป็นที่ยอมรับอีกครั้งในฐานะศูนย์กลางการศึกษาหลักแห่งชาติและด้านศิลปะ ที่มีมหาวิทยาลัยเกิดใหม่และงานด้านวัฒนธรรมมากมาย
หลังจากที่นาซีเยอรมนีรุกรานโปแลนด์ จนเป็นฉนวนสงครามโลกครั้งที่สอง กรากุฟตกเป็นเมืองหลวงของรัฐบางทั่วไปของเยอรมนี ชาวยิวในเมืองถูกย้ายออกไปอยู่ในเขตกำแพงที่เรียกว่า กรากุฟเกตโต จากนั้นถูกส่งไปค่ายมรณะอย่างเช่นเอาชวิทซ์และกรากุฟ-พวาชูฟ
ในปี ค.ศ. 1978 ในปีที่ยูเนสโกยกย่องให้กรากุฟอยู่ในรายชื่อมรดกโลก คารอล วอยตีวาบาทหลวงแห่งเมืองกรากุฟขึ้นเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักรนิกายโรมันคาทอลิกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ถือเป็นพระสันตะปาปาคนแรกที่ไม่ใช่ชาวอิตาลีในรอบ 455 ปี และถือเป็นพระสันตะปาปาชาวสลาฟคนแรก

Mysterious Easter Island Heads Have Bodies Too

ตัวของรูปปั้นโมอาย

SRL_โมอาย_lg
รูปปั้นโมอายที่มีชื่อเสียงแห่งที่กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ อุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี โดยที่ผ่านมานั้นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือรูปปั้นหัวที่มีลักษณะคล้ายกับคน


ในความคิดของนักท่องเที่ยวกว่าล้านคนที่เข้ามาชมรูปปั้นโมอายนี้ คิดว่า โมอายบางตัวนั้นมีแต่หัว เพราะบางรูปปั้นที่มีแต่หัวนั้นมีมีความเชื่อกันว่ายังแกะสลักไม่เสร็จสมบูรณ์
 
จนกระทั้งใน 2011 ทีมในโครงการของ EISP นักโบราณคดีที่มีชื่อเสียงแคลิฟอร์เนียได้ทำการสำรวจโดยการขุดเจาะ ลงไปก็พบส่วนที่เป็นตัวทั้งหมดของโมอาย
 
ส่วนที่ขุดเจาะพบนั้นเป็นช่วงของลำตัวโดยจะมีลักษณะเหมือนวงแหวนและผ้าคาดไว้ที่เอวอยู่ คาดเดากันไว้ว่าอาจเป็นวงแหวนที่แสดงลักษณะของดวงอาทิตย์และสายรุ่งโดยตัวรูปปั้นนี้มีความสูงถึง 7 เมตร จากเดิม สูงสุดแค่ 4 เมตร
 

เซเว่น อีเลฟเว่น : 7-Eleven

เซเว่น อีเลฟเว่น : 7-Eleven

SRL_7_ELEVEn_lg
เซเว่น อีเลฟเว่น : 7-Eleven เป็นแฟรนไชส์ของร้านสะดวกซื้อ จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดที่มีสาขาทั่วโลกมากที่สุด

ชื่อและระบบแฟรนไชส์ “7-Eleven” นี้ เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท เซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา โดยชื่อของ 7-11 สื่อถึงเวลาที่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 07:00 – 23:00 น.
 
เซเว่น อีเลฟเว่น ถือกำเนิดขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2470 โดย บริษัท เซาท์แลนด์ ไอซ์ จำกัด (เซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชั่น) เริ่มต้นกิจการผลิต และจัดจำหน่ายน้ำแข็ง ที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในปีเดียวกัน ทางบริษัทฯ ได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มาจำหน่าย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Tote’m Store
 
ต่อมาในปี พ.ศ. 2489 ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้ง เป็น เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-Eleven) เพื่อรองรับการขยายกิจการนี้ ซึ่งในระยะแรก เปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 07.00-23.00 น. ของทุกวัน อันเป็นที่มาของชื่อ เซเว่น อีเลฟเว่น นั่นเอง
 
ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1980 บริษัทเริ่มประสบปัญหาทางการเงิน และได้รับความช่วยเหลือจากอิโต-โยคะโดซึ่งเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์รายใหญ่ที่สุด บริษัทญี่ปุ่นมีอำนาจควบคุมบริษัทในปี พ.ศ. 2534 ในปี พ.ศ. 2548 อิโต-โยคะโดก่อตั้งบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์และเซเว่น อีเลฟเว่นก็กลายเป็นบริษัทลูกของเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ตั้งแต่นั้นมา

ซอฟต์เสิร์ฟ หรือ ซอฟต์ครีม Soft Ice cream

ซอฟต์เสิร์ฟ หรือ ซอฟต์ครีม Soft Ice cream

SRL_Soft_Ice_cream_lg
ซอฟต์เสิร์ฟ หรือ ซอฟต์ครีม Soft Ice cream เป็นคำที่ใช้เพื่ออธิบายประเภทของไอศกรีมที่นุ่มกว่าไอศกรีมปกติ และขายเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1930

ในปี 1934 ทอม Carvel ผู้ก่อตั้งแบรนด์และแฟรนไชส์ Carvel ประสบเหตุยางแบนในรถบรรทุกไอศกรีมของเขาในเมือง Hartsdale, นิวยอร์ก เขาจึงนำรถที่ยางแบนเข้าลานจอดรถและเริ่มขายไอศกรีมของเขาที่เริ่มละลายให้กับผู้ที่มาพักผ่อนที่สัญจรไปมา ภายในสองวันเขาสามารถขายไอศกรีมทั้งหมด และสรุปได้ว่า ที่ตั้งถาวรและ ซอฟต์เสิร์ฟ เป็นแนวคิดธุรกิจที่มีโอกาศทางธุรกิจได้สูง
 
ในปี 1936, Carvel เปิดร้านสาขาแรกของเขาบนรถตู้ที่เสียของเขา และริเริ่มการพัฒนาความลับของสูตรซอฟต์เสิร์ฟไอศกรีม พร้อมๆกับที่จดสิทธิบัตรเครื่องทำไอศกรีมซอฟต์เซิร์ฟ
Dairy Queen ยังอ้างว่าได้คิดค้นซอฟต์เสิร์ฟ ในปี 1938 ใกล้เมือง Moline, รัฐอิลลินอยส์, JF McCullough และลูกชายของ Alex ได้พัฒนาสูตรซอฟต์เสิร์ฟของพวกเขา การทดลองขายของพวกเขาครั้งแรกคือเมื่อ 4 สิงหาคม 1938 ใน Kankakee, รัฐอิลลินอยส์ที่ร้านของเพื่อนของพวกเขา, ร้านชื่อโนเบิลเฮิร์บ พวกเขาขายซอฟต์เสิร์ฟได้ถึง 1600 ที่ภายในสองชั่วโมง
 
ซอฟต์เสิร์ฟโดยทั่วไป จะมีไขมันต่ำ (3-6%) กว่า ไอศกรีม (10-18%) และมีการผลิตที่อุณหภูมิประมาณ -4 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับไอศกรีมซึ่งเก็บไว้ในเครื่องทำความเย็นที่ -15 องศาเซลเซียส ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟจะมีการนำอากาศใส่เข้าไปในขณะที่ปั่นไอศกรีม โดยเรียกว่า “overrun” ซึ่งจะมีสัดส่วนตั้งแต่ 0-60% ของเนื้อไอศกรีม อากาศเป็นตัวแปรหลักในการทำให้รสชาติไอศกรีมชนิดนี้แตกต่างกันออกไป ปริมาณอากาศที่น้อยกว่า จะทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นกว่า สีจะเข้มกว่า และอาจจะมีเกร็ดน้ำแข็งบ้างในบางโอกาส ส่วนไอศกรีมที่มีปริมาณอากาศมากกว่า จะเนื้อมีสีขาวกว่าและรสชาติไอศกรีมจะไม่เข้มข้นเท่า ปริมาณอากาศที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 33-45% ของปริมาตรไอศกรีม
 
เพื่อป้องกันการไม่ให้เกิดเกร็ดน้ำแข็ง เครื่องผลิตไอศกรีมจะต้องทำไอศกรีมแข็งตัวเร็วที่สุด โดยปกติแล้วเครื่องผลิตไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟควรจะมีที่รักษาอุณหภูมิที่ 3-4 องศาเซลเซียส และ เครื่องจะทำงานโดนการปั่นไอศกรีมจากกระบอกผลิต เครื่องผลิตไอศกรีมมีทั้งระบบ Gravity และ Air Pump

อีสเตอร์ : Easter

อีสเตอร์ : Easter

SRL_Easter_lg
อีสเตอร์ : Easter หรือที่ชาวคาทอลิกในไทยเรียก ปัสกา เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญมากที่สุดในศาสนาคริสต์ วันอีสเตอร์เป็นวันเฉลิมฉลองการคืนพระชนม์ของพระเยซูหลังจากที่ทรงถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ไปแล้วสามวัน โดยวันที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละปีแต่กำหนดให้ทุกปีต้องจัดขึ้นในวันอาทิตย์ (เพราะเป็นวันที่ทรงถูกตรึงกางเขนตามพระคัมภีร์) เรียก วันอีสเตอร์
นอกจากนี้วันอีสเตอร์ถือเป็นวันสิ้นสุดเทศกาลมหาพรตซึ่งเป็นช่วงเวลา 40 วันที่ชาวคริสต์ถือศีลอดและสวดภาวนาเป็นพิเศษ สัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลมหาพรตเรียกว่าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ วันศุกร์ของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เรียกวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (หรือที่ชาวโปรเตสแตนต์เรียก วันศุกร์ประเสริฐ) เป็นวันที่พระเยซูโดนตรึงกางเขน หลังจากวันอีสเตอร์เป็นเทศกาลปัสกา (Eastertide) 50 วัน และจบเทศกาลในวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า
สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ สื่อถึงความสุข สมหวัง ชัยชนะ ความอบอุ่น ความสดใส
ไข่ : สื่อถึงชีวิตใหม่ ไข่ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่หรือมีชีวิตใหม่ กางเขนและอุโมงค์ที่ว่างเปล่า เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ มีคนกล่าวว่าคริสเตียนแท้มักจะดำเนินชีวิตโดยยึดหลักการที่ว่า พระเยซูคริสต์ได้สิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ประเสริฐเพื่อเราเมื่อวานนี้ และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันอาทิตย์อีสเตอร์ และทรงสถิตอยู่กับเราในวันนี้ และพระองค์จะทรงเสด็จกลับมารับเรา (ผู้เชื่อ) ในวันพรุ่งนี้
 
กระต่าย : สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ
ผีเสื้อ : สื่อถึงชีวิตใหม่ เหมือนผีเสื้อที่ออกมาจากดักแด้และบินสู่ท้องฟ้าเช่นเดียวกับ พระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์ และอยู่ในอุโมงค์ หลังจากนั้น 3 วัน จึงฟื้นคืนพระชนม์
สวนดอกไม้ : สื่อความหมายถึง ความสุขสมหวัง ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือดอกลิลี่ หรือดอกพลับพลึงขาวบริสุทธิ์
 
ประเพณีในการเฉลิมฉลองแตกต่างกันทั่วโลก แต่การตกแต่งไข่อีสเตอร์และกิจกรรมค้นหาไข่เป็นที่นิยมกันมากที่สุดในหมู่เด็กๆ

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

Meteor Crater (Barringer Crater), Arizona

ถ้ำอชันตา

ถ้ำอชันตา

ของดี_ถ้ำอชันตา_lg
ถ้ำอชันตา ได้ชื่อว่าเป็นวัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อน ในบริเวณฝั่งตะวันตกของที่ราบสูงเดกกัน โดยวิธีการสร้างนั้นเป็นขุดเจาะเข้าไปในหินบาซอลต์ โดยขุดจากหินก้อนเดียวจนเป็นวิหารขนาดใหญ่โดยใช้สิวและค้อนเท่านั้น

ระยะเวลาการเจาะทั้งหมด 800 ปี เริ่มเจาะตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 3 จนกลายเป็นถ้ำมากกว่า 30 ถ้ำ เรียงตัวต่อเนื่องกันยาวหลายร้อยเมตรบนเชิงเขาสูงวงโ ค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว ภายในมีวิหารขนาดใหญ่ภายในเต็มไปด้วยงานแกะสลักหิน เป็นเจดีย์ เป็นพระพุทธรูป เป็นเรื่องราวต่างๆ ในพุทธประวัติและชาดกเต็มไปหมด
 
โดยไม่ผุพังตามกาลเวลาแม้แต่น้อย โดยสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของสงฆ์เพื่ออยู่อย่างสันโดษ แต่ แล้วสถานที่แห่งหนึ่งก็เริ่มหมดความสำคัญลง เมื่อพระพุทธศาสนาเสื่อม ขาดการดูแล และถูกทิ้งร้างไปในที่สุด และได้เลือนหายไปจากความทรงจำของชาวอินเดีย จนมาถูกค้นพบโดยกองทหารอังกฤษ นำโดยร้อยเอกจอห์น สมิธ เมื่อ 1819
 
ถ้ำอชันตา นับว่าเป็นหนึ่งใน Unseen in India ที่คนทั่วไปอาจไม่รู้จัก ในขณะที่นักประวัติศาสตร์ศิลป์ทั่วโลกคุ้นเคยกับพุทธสถานแห่งนี้เป็นอย่างดี ในฐานะเป็นที่รวมความงามทางพุทธศิลป์ ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม โบราณ ซึ่งสร้างจากแรงศรัทธาและความมุ่งมั่นพยายามของผู้ปฏิบัติธรรมในละแวกนั้น
 
อชันตาเป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ถ้ำนั้น ห่างจากเมืองออรังคบาดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 104 กม. เป็นถ้ำที่มีการขุดเจาะภูเขาเข้าไป เรียงกันถึง 30 ถ้ำ เพื่อใช้เป็นห้องโถงสำหรับสวดมนต์ และประกอบศาสนกิจ รวมถึงเป็นที่พำนักพระสงฆ์ จะเรียกว่าเป็นวัดในพุทธศาสนาแห่งหนึ่งก็ว่าได้
 
และในปี พ.ศ.2545 รัฐบาลอินเดียได้อนุมัติงบประมาณเพื่อติดตั้งระบบไฟใยแก้วออฟติกที่ทันสมัยในทุกถ้ำ และจัดซื้อรถประจำทางปลอดสารพิษจำนวน 10 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักประวัติศาสตร์ที่เข้ามาศึกษาค้นคว้าหาความหมายและปรัชญาที่แฝงอยู่ในสถาปัตยกรรมแห่ง นี้ ทั้งยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสัมผัสกับความวิจิตรอลังการของถ้ำ อชันตาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

จัตุรัสแดง : Red Square

จัตุรัสแดง : Red Square

สำรวจโลก_red square_lg
จัตุรัสแดง : Red Square เป็นจัตุรัสกลางเมืองของของกรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย จัตุรัสแดงมีขนาดกว้าง 70 ม. ยาว 695 ม. มีขนาดพื้นที่รวม 23,100 ตารางเมตร จัตุรัสแดงอาจถือได้ว่าเป็นจัตุรัสกลางกรุงมอสโกและทั้งประเทศรัสเซียเพราะถนนสายสำคัญทุกสายของกรุงมอสโกจะวิ่งตรงออกจากจัตุรัสแดงแห่งนี้

นอกจากนี้ จัตุรัสแดงยังเป็นสถานที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์เบซิล และหลุมฝังศพของวลาดิมีร์ เลนินอีกด้วย ชื่อจัตุรัสแดงมักเข้าใจผิดว่า คำว่า “แดง” ในชื่อจัตุรัส มาจากสีของคอมมิวนิสต์ หรือสีของอิฐในบริเวณนั้นที่เป็นสีแดง แต่แท้จริงแล้วชื่อจัตุรัสแดง มาจากภาษารัสเซียคำว่า красный ซึ่งในภาษารัสเซียดั้งเดิมมีความหมายว่า สวยงาม ในขณะที่ภาษารัสเซียสมัยใหม่ แปลว่าสีแดง
 
จัตุรัสแดงถูกตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ภายใต้พระราชโองการของพระเจ้าอีวานมหาราช การสร้างจัตุรัสแดงนี้มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของพระราชวังเครมลินโดยการสร้างพื้นที่นอกกำแพงวังสำหรับใช้ยิงเพราะตำแหน่งที่จัตุรัสแดงตั้งอยู่นั้นขาดแนวป้องกันทางธรรมชาติ โดยพื้นที่ของจัตุรัสแดงในสมัยนั้นถือเป็นศูนย์กลางของการค้าขาย ต่อมาในสมัยของพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 มหาวิหารเซนต์เบซิล
 
มหาวิหารที่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจัตุรัสแดงในปัจจุบันก็ได้ถูกสร้างขึ้น หลังจากนั้นจัตุรัสแดงก็ถูกปรับปรุงพื้นที่เรื่อยมา จนกระทั่งหลังจากการรุกรานของฝรั่งเศสโดยนโปเลียน มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น อาคารบางหลังและสิ่งปลูกสร้างสำหรับการค้าขายซึ่งถูกไฟไหม้ได้ถูกรื้อถอนออกและมีการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นแทน อาทิเช่น รถราง การประดับด้วยโคมไฟ ห้างสรรพสินค้า GUM เป็นต้น
สมัยสหภาพโซเวียต จัตุรัสแดงใช้เป็นที่สำหรับการเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร โดยจะมีการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารสำหรับวันเมย์เดย์, วันแห่งชัยชนะ และการปฏิวัติเดือนตุลาคม การเดินขบวนที่เด่น ๆ มีอยู่ 2 เหตุการณ์คือการเดินขบวนในปี ค.ศ. 1941 ซึ่งในเวลานั้น สหภาพโซเวียตกำลังถูกรุกรานโดยนาซีเยอรมนี ทหารที่มาเดินขบวนนั้น หลังเสร็จสิ้นการเดินขบวนก็ถูกส่งตรงจากจัตุรัสแดงไปแนวหน้าทันที และอีกครั้งคือการเดินขบวนใน ค.ศ. 1945 ซึ่งเป็นการเดินฉลองชัยชนะหลังจากที่นาซีเยอรมนียอมแพ้ต่อสหภาพโซเวียตแล้ว
 
ต่อมาในปัจจุบัน จัตุรัสแดงถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการจัดแสดงของศิลปินและวงดนตรีชื่อดังหลายกลุ่มเช่น ชากีรา วงสกอร์เปียนส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 รัสเซียได้ประกาศว่าจะกลับมาเดินขบวนอีกครั้งและในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ก็ได้มีการเดินขบวนเป็นครั้งแรกหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ล่าสุดในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของการยอมรับความพ่ายแพ้ของเยอรมนี กองทหารจากฝรั่งเศส โปแลนด์ และสหราชอาณาจักรได้ร่วมกันเดินสวนสนามในวันแห่งชัยชนะที่มอสโกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14

ดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14

สำรวจโลก_Asteroid-2012-DA14_lg
2012 DA14 เป็นดาวเคราะห์น้อยที่เข้ามาใกล้โลก ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 เมตร มีมวลประมาณ 190,000 ตัน มีระยะเวลาการโคจร 317.2 วัน  มีความเอียง 11.60 °  ระยะในการหมุนต่อรอบ เท่ากับ 6 ชั่วโมง

2012 DA14 ถูกค้นพบเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2012  โดย Observatorio Astronomico de La Sagra, ที่กรานาดาในประเทศสเปน ขณะนั้นห่างจากโลก 2,600,000 กิโลเมตร
 
วันที่ 9 มกราคม 2013 ได้มีการสังเกตเห็น 2012 DA14  อีกครั้งโดย Las Campanas Observatory และได้สังเกตการโค้งที่เพิ่มขึ้นจาก 79 วัน 321 วัน  ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2013 ที่เวลามาตรฐานสากล 19:25  ดาว 2012 DA14  อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของโลก เป็นระยะ 34,050 กิโลเมตร มันผ่านเหนือพื้นผิวโลกอย่างใกล้ชิดในระยะ 27,743 กิโลเมตร  แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
 
นักดาราศาสตร์พบว่ามีอุกกาบาตขนาดเท่า Asteroid 2012 DA14 ที่โคจรใกล้โลกแบบนี้มากกว่า 500,000 ดวง การค้นพบนี้น้อยกว่า 1 % ของอุกกาบาตที่จะโคจรมาใกล้โลก หากอุกกาบาตขนาดเท่า 2012 DA14 ชนโลก จะคล้ายกับการเกิดระเบิดที่ ทุงกัสก้า Tungguska ไซบีเรีย Siberia เมื่อปี 1908 ซึ่งจะทำเกิดทุ่งราบกว้างกว่า 2,200 ตารางกิโลเมตร เกิดผลกระทบในระดับภูมิภาค (กรุงเทพฯ มีพื้นที่ 1,568 ตารางกิโลเมตร) ขนาดของอุกกาบาตที่ทำลาย ทุงกัสกามีขนาดเล็กกว่า 2012 DA14 (ประมาณ 30-40 เมตร) เพียงเล็กน้อย

ซีแลนด์ : Principality of Sealand

ซีแลนด์ : Principality of Sealand

สำรวจโลก_sealand_lg
ซีแลนด์ : Principality of Sealand  ” เป็นประเทศในทะเลเหนือ อยู่ห่างจากชายฝั่งอังกฤษไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นประเทศที่เล็กที่สุดของโลก เจ้าชายรอย อดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพอังกฤษได้เข้าครอบครอง ฟอร์ท รัฟส์ เมื่อปี 2509 ซึ่งเป็นป้อมปราการที่สหราชอาณาจักรสร้างขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ภายหลังถูกทิ้งร้าง และได้ประกาศเอกราชจากอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2510
ซีแลนด์ประกอบไปด้วยฐานซึ่งฝังอยู่ใต้ทะเล เสาทรงกลมขนาดใหญ่สองต้น และดาดฟ้า ในส่วนเสากลมแบ่งเป็น 7 ชั้น (A-G) ชั้น A คือดาดฟ้าและเป็นที่วางเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ชั้น B อยู่เหนือทะเล ส่วน C-G อยู่ใต้ระดับน้ำทะเล ในสมัยสงคราม ชั้น B-E เคยถูกใช้เป็นที่เก็บเสบียงอาหารและที่พัก ชั้น F เป็นคลังอาวุธ และชั้น G เป็นที่เก็บของอื่นๆ
10 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ทางการของราชรัฐซีแลนด์ได้ประกาศว่า เจ้าชายรอย แห่งซีแลนด์ ผู้ประกาศอธิปไตย สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะที่มีพระชนมายุ 91 พรรษา จากอาการของโรคอัลไซเมอร์
นับตั้งแต่การประกาศตัวเป็นอิสระจากสหราชอาณาจักรเมื่อปี พ.ศ. 2510 ซีแลนด์ไม่เคยได้รับการรับรองจากรัฐสมาชิกของสหประชาชาติแม้เพียงประเทศเดียว ทำให้ที่นี่ไม่มีสถานะเป็นรัฐโดยสมบูรณ์และขาดการยอมรับจากนานาชาติ เนื่องจากประเทศในปัจจุบันจะมีสถานะเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์ในทางการเมืองระหว่างประเทศ จะต้องได้รับการรับรองสถานะจากรัฐสมาชิกสหประชาชาติตามอนุสัญญามอนเตวิเดโอ