วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

SSL คืออะไร ทำหน้าที่อะไร ประโยชน์ของ SSL มีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันการคุกคามทางด้านอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก เห็นได้จากข่าวที่เกี่ยวกับการล้วงข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้โดยผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งระบบอินเตอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การป้องกันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเราต้องมาทำความรู้จัก SSL ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยในอินเตอร์เน็ตที่มีความปลอดภัยสูง
SSL
เว็บไซต์ที่ใช้ระบบ SSL
SSL คืออะไร
SSL Certificates หรือเรียกสั้นๆว่า SSL ย่อมาจาก Secure Socket Layer คือโปรโตคอลทางด้านความปอดภัย และได้มีการกำหนดเป็นมาตราฐานความปลอดภัยที่มีความน่าเชื่อถือที่สุด โดยบริษัท Netscape เป็นผู้ที่คิดค้นขึ้นมาและส่งต่อไปให้กับ IETF (Internet Engineering Task Force ) เป็นกลุ่มนานาชาติของผู้ที่มีส่วนร่วม ในการพัฒนาโครงสร้างของอินเทอร์เน็ต ให้มีการพัฒนา SSL ต่อเพื่อให้มีมาตราฐานและเป็นที่ยอมรับในวงการมากยิ่งขึ้น
เว็บไซต์ที่ต้องการใช้งาน SSL นั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขอใบรับรองจาก CA (Certificate Authority) ซึ่งเป็นผู้ที่ออกใบรับรอง ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการออกใบรับรอง SSL อยู่หลากหลายค่ายที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ เช่น Symantec, Thawte , Comodo , Geotrust โดยมีจุดสังเกตง่ายๆว่าเว็บไซต์ไหนที่มีระบบรักษาความปลอดภัย SSL ดูได้จาก URL โดยเว็บไซต์ที่ได้ใบรับรองจะมี URL ที่ขึ้นต้นด้วย https:// แต่ถ้าไม่ได้รับการรับรองจะใช้เพียง http:// เท่านั้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเว็บไซต์บ้างเว็บไซต์จะมี URL ที่ขึ้นต้นด้วย https:// ก็ตามก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าได้ใบรับรองจาก CA เพราะมีบ้างเว็บไซต์สร้าง SSL Certificate file ขึ้นมาเองและไม่ได้รับการรับรองจาก CA ทำให้เวลาเข้าเว็บไซต์ดังกล่าว เราจะพบกับข้อความเตือนซึ่งจะขึ้นเป็นกล่อง Security Warning ขึ้นมา ถ้าจำเป็นต้องเข้าเว็บไซต์ดังกล่าวเราต้อง ดาว์โหลด Security Warning ของทางเว็บไซต์เข้ามาไว้ในบราวเซอร์ที่เราใช้งานก่อน
SSL
Diagram การทำงานของ SSL
SSL ทำหน้าที่อะไร
SSL Certificate file มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วยการเข้ารหัสแบบ Public-key encryption โดยมีแบ่งการทำงานเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ
1. ตรวจสอบ Server ที่ได้ติดต่อว่าเป็นของจริงหรือเปล่า ด้วยการเข้ารหัสแบบ Public key ในการตรวจสอบใบรับรอง (Certificate) และ Public ID ของ Server นั้น
2. ตรวจสอบ Client ว่าเป็นผู้ติดต่อจริงหรือเปล่า(Client คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไปร้องขอบริการและรับบริการอย่างใดอย่างหนึ่งจาก Server)โดยจะตรวจสอบใบรับรองและ Public IDของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการรับข้อมูลว่าเป็นตัวจริงหรือเปล่า ซึ่ง Public ID นี้ทาง Server จะขอมาจาก CA
3. การเข้ารหัสของข้อมูลเมื่อมีการส่งข้อมูล เมื่อทั้ง Client และ Server เป็นของจริงทั้งหมด ก็จะนำข้อมูลมาทำการเข้ารหัส ที่มีโปรแกรมส่งข้อมูลเป็นตัวเข้ารหัส และมีโปรแกรมรับข้อมูลเป็นตัวถอดรหัส โดยที่ SSL ยังสามารถปกป้องความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลด้วย นอกจากนี้โปรแกรมรับข้อมูลจะรู้ได้ทันทีเลยเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลระหว่างการเดินทางของข้อมูลที่ส่งมาจากต้นทาง
ประโยชน์ของ SSL มีอะไรบ้าง
SSL มีประโยชน์มากในโลกอินเตอร์เน็ตเพราะจะช่วยในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูลและความน่าเชื่อถือ
1. ด้านความปลอดภัย SSL จะคอยป้องกันช่องโหว่จากกลุ่ม Hacker ที่ต้องการมาล้วงข้อมูลที่สำคัญไปใช้ โดยเว็บไซต์ที่มีอยู่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย http:// จะถูกล้วงข้อมูลได้ง่ายกว่าเว็บไซต์ที่ใช้ SSL
2. ด้านความน่าเชื่อถือ SSL ได้รับมีการออกมาตราฐานในความปลอดภัย จากหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับซึ่ง เว็บไซต์ที่นิยมใช้งาน SSL เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือก็จะเป็นเว็บไซต์ประเภท Ecommerce Online , Booking Online และกลุ่มเว็บไซต์เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ เป็นต้น
การใช้งาน SSL Certificates เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ข้อมูลที่สำคัญและข้อมูลที่เป็นความลับ ยังคงเป็นความลับอยู่เพราะว่า SSL Certificates จะเข้ารหัสข้อมูลเหล่านั้น ช่วยป้องกันช่องโหว่ที่เหล่า Hacker พยายามจะเจาะเพื่อมาล้วงข้อมูลสำคัญเหล่านี้ออกไป SSL จึงเป็นส่วนสำคัญให้ทั้งเจ้าของเว็บไซต์ และผู้ใช้งานเว็บไซต์มีความปลอกภัยในการทำธุรกรรมทางอินเตอร์เน็ต

มรดกโลกในประเทศไทย

ประเทศไทยมีมรดกโลกอยู่ทั้งหมด 5 แห่ง ดังนี้
1. เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร
ชื่ออังกฤษ : Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns
ประเภท : มรดกโลกทางวัฒนธรรม
ปีที่ขึ้นทะเบียน : พ.ศ. 2534
พื้นที่ครอบคลุม : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
แหล่งมรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
2. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร
ชื่ออังกฤษ : Historic City of Ayutthaya
ประเภท : มรดกโลกทางวัฒนธรรม
ปีที่ขึ้นทะเบียน : พ.ศ. 2534
พื้นที่ครอบคลุม : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เขตวังโบราณและวัดต่างๆในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดไชยวัฒนาราม วัดพุทไธศวรรย์ และวัดพระราม เป็นต้น
อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา
แหล่งมรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาและเมืองบริวาร
3. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง
ชื่ออังกฤษ : Thungyai-Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuaries
ประเภท : มรดกโลกทางธรรมชาติ
ปีที่ขึ้นทะเบียน : พ.ศ. 2534
พื้นที่ครอบคลุม : เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
แหล่งมรดกโลก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
4. แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
ชื่ออังกฤษ : Ban Chiang Archaeological Site
ประเภท : มรดกโลกทางวัฒนธรรม
ปีที่ขึ้นทะเบียน : พ.ศ. 2535
พื้นที่ครอบคลุม : แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
มรดกโลก แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
5. ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
ชื่ออังกฤษ : Dong Phayayen-Khao Yai Forest Complex
ประเภท : มรดกโลกทางธรรมชาติ
ปีที่ขึ้นทะเบียน : พ.ศ. 2548
พื้นที่ครอบคลุม : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงรัก
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มรดกโลกทางธรรมชาติของไทย
หลักเกณฑ์การพิจารณามรดกโลกทางวัฒนธรรม
- เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
- เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
- เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
- เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
- เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของวัฒนธรรมมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งสถาปัตยกรรม วิธีการก่อสร้าง หรือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่ายจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมตามกาลเวลา
- มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
หลักเกณฑ์การพิจารณามรดกโลกทางธรรมชาติ
- เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของการเป็นตัวแทนในวิวัฒนาการสำคัญต่างๆในอดีตของโลก เช่น ยุคสัตว์เลื้อยคลาน ยุคน้ำแข็ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาความหลากหลายทางธรรมชาติบนพื้นโลก
- เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดในการเป็นตัวแทนของขบวนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางธรณีวิทยาหรือวิวัฒนาการทางชีววิทยา และปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่กำลังเกิดอยู่ เช่น ภูเขาไฟ เกษตรกรรมขั้นบันได
- เป็นแหล่งที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์หายากหรือสวยงามเป็นพิเศษ เช่น แม่น้ำ น้ำตก ภูเขา
- เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์และพันธุ์พืชที่หายากหรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตราย แต่ยังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งรวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจด้วย

10 สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางท่องเที่ยว รู้ไว้เที่ยวเพลิน!!!

การเดินทางท่องเที่ยวนั้นถือได้ว่าเป็นกำไรอย่างหนึ่งของชีวิต นอกเหนือไปจากปัจจัย 4 ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในชีวิตมนุษย์ แต่การเดินทางเท่องเที่ยวที่ดีนั้นควรมีการตระเตรียมอะไรต่างๆให้พร้อม เพราะเราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่เรากำลังจะเดินทางไปนั้นมีทุกอย่างที่เราต้องการ หรือมีร้านค้าให้เราจับจ่ายของจำเป็นได้อย่างครบครัน ที่เที่ยวบางแห่งมีของให้เราซื้อหาครบแต่ก้มีราคาแพงมาก ดังนั้นถ้าเรามีแผนเดินทางท่องเที่ยวล่วงหน้า มีเวลาตระเตรียมของก็ควรเตรียมเสียให้เรียบร้อยก่อนเสมอดังนี้
10 สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางท่องเที่ยว
1. เตรียมเรื่องที่พัก
ที่พักนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว คงไม่มีอยากไปเที่ยวแล้วต้องนอนใต้ต้นไม้ ศาลารอรถริมทางหรือนอนวัด (ยกเว้นผู้ที่ชอบการผจญภัยแบบ backpack ไปเรื่อยๆค่ำไหนนอนนั่น) ดังนั้นควรติดต่อประสานงานเรื่องการจองที่พักเอาไว้ให้แน่นอน จะรีสอร์ท โรงแรม บ้านพัก โฮมสเตย์ ก็ตามสะดวก
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางท่องเที่ยว
ควรจองที่พักให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
2. เตรียมแผนการเดินทาง
สำคัญไม่น้อยนะครับสำหรับแผนการเดินทาง เราจะไปถึงสถานที่ที่เราต้องการจะไปได้อย่างไร ถ้าต้องไปด้วยเครื่องบิน รถไฟ หรือรถทัวร์ ก็ควรจัดการเรื่องจองตั๋วให้เรียบร้อย แต่ถ้าเดินทางไปจังหวัดใกล้ๆที่มีรถวิ่งทั้งวัน ก็สามารถไปซื้อตั๋วก่อนเดินทางได้ แต่ถ้าใครชอบ backpack แนวโบกรถ ถึงเมื่อไหร่ก็ช่าง เอามันส์เข้าว่าก็ตามสะดวกครับ เออ..อย่าลืมแผนที่ด้วยนะครับ ^ ^
สำหรับผู้จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องเตรียมเพิ่มในเรื่องหนังสือเดินทาง วีซ่า และศึกษาเรื่องกฏระเบียบต่างๆของประเทศนั้นๆให้ดี
3. เตรียมรถให้พร้อม
ในกรณต้องการขับรถไปเอง ก็ควรเตรียมรถให้พร้อมมากที่สุด ควรนำรถเข้าตรวจสภาพให้เรียบร้อย จัดการเรื่องน้ำมันและสารหล่อลื่นต่างๆให้พร้อม ถ้าต้องเดินทางเข้าป่าก็ควรมีน้ำมันและยางรถสำรองไว้ด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางท่องเที่ยว
ควรตรวจเช็ครถอย่างละเอียดก่อนเดินทางไกล
4. เตรียมร่างกายตนเองให้พร้อม
แน่นอนว่าถ้าทุกอย่างพร้อม แต่เจ้าตัวดันตื่นสายจนไปไม่ทันเวลาตามตั๋วที่จองไว้ ทุกอย่างก็จบเห่ครับ ดังนั้นคืนก่อนเดินทางควรนอนแคชต่หัวค่ำ ตื่นเช้าๆมาเช็คความพร้อมอีกครั้ง ทำกิจวัตรต่างๆให้เรียบร้อย เช่น เข้าห้องน้ำ หรือกินกาแฟ เมื่อพร้อมจึงเริ่มออกเดินทาง สำหรับผู้ที่ต้องขับรถเองด้วยระยะทางไกลๆหรือหนทางทุรกันดาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้านอนไว ้พื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายสำหรับรับงานหนักในวันรุ่งขึ้น
5. เตรียมของใช้ส่วนตัวให้พร้อม
สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อยๆ ของใช้ส่วนตัวนั้นควรเตรียมเอาไว้เป็นชุด แยกใส่กระเป๋าเล็กๆต่างหาก เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม มีดโกนหนวด ครีมประเทืองผิวต่างๆ ส่วนเสื้อผ้า รองเท้า ไฟฉายและอื่นๆ สามารถใส่ในกระเป๋าเดินทางหลักได้ บางคนชอบคิดว่าของพวกนี้ไปซื้อเอาข้างหน้าก็ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขายของพวกนี้แพงมาก โดยเฉพาะพวกที่เที่ยวที่เป็นเกาะ ที่ท่องเที่ยวเล็กๆหลายที่หาซื้อไม่ได้ ต้องนั่งอมขี้ฟันกันตั้งแต่วันไปถึงยันวันกลับ ไม่สนุกเลยครับ ทั้งทริปไม่กล้าพูดกับใครเลย 5555+
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางท่องเที่ยว
ควรแยกกระเป๋าสำหรับของใช้แต่ละชนิด
6. เตรียมกระเป๋าเดินทาง
ควรเตรียมกระเป๋าเดินทางให้เหมาะสมกับปริมาณของที่ต้องเตรียมไป และควรเหมาะสมกับพาหนะที่ใช้ด้วย ถ้าขับรถไปเองก็ไม่มีใครว่าถ้าจะขนของไปหมดบ้าน ^ ^ แต่ถ้าเดินทางโดยเครื่องบินหรือรถโดยสาร ควรเลือกขนาดกระเป๋าให้เหมาะสม น้ำหนักกระเป๋าไม่เกินที่กำหนด ไม่ใช่ว่าจัดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สุดในชีวิต เพื่อขึ้นรถตู้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี แบบนี้คนขับรถตู้อาจมีค้อน เพื่อนๆผู้โดยสารเคือง ท่านเองก็ต้องนั่งเบียดกับกระเป๋าของท่านเองจนตัวบิดไปตลอดทางแน่ๆ
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางท่องเที่ยว
เลือกขนาดและจำนวนกระเป๋าให้เหมาะสมกับการเดินทาง
7. เตรียมยาประจำตัว
ยาประจำตัวถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งในการเดินทางท่องเที่ยว ห้ามคิดเด็ดขาดว่าเดี๋ยวไปหาซื้อเอาข้างหน้าก็ได้ ต้องเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนเดินทาง และต้องเป็นสิ่งแรกๆที่ต้องเช็คก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
8. เตรียมเงิน
โอ้ว สำคัญมากๆเลยนะเงินเนี่ย ถ้าไม่มีเงินการเดินทางคงลำบากมาก ยกเว้นท่านจะใช้วิธีโบกรถ นอนศาลา กินข้าววัด (แบบนั้นนอนอยู่บ้านดีกว่ามั๊ยอะ 555+) ควรเตรียมเงินสดให้เพียงพอต่อการเดินทาง ยกเว้นว่าปลายทางของเราเป็นเมืองใหญ่ มีธนาคาร มีตู้ ATM หรือ รับบัตรเครดิตแน่นอน แบบนี้เราเตรียมไปแค่พอติดกระเป๋าเพื่อซื้อน้ำซื้อขนมก็คงได้ แต่ถ้าไม่ใช่ เราต้องคำนวณให้ดีว่าเราต้องใช้เงินเท่าไหร่และควรเตรียมไว้ให้พอ เรื่องสำคัญที่สุดในการพกเงินเดินทางไกลคือ การแยกเก็บเงินหลายจุด เช่น แยกเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์บางส่วน ไม่ต้องมาก แยกเก็บไว้ในกระเป๋าใหญ่ แยกเก็บในกระเป๋าเล็กๆสำหรับของใช้ส่วนตัว แยกเป็นเงินสดเก็บในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อ เป็นต้น อย่างน้อยต้องมั่นใจว่าถ้ากระเป๋าใบใดใบหนึ่งสูญหาย เราจะยังมีเงินเหลือพอสำหรับท่องเที่ยวหรือสำหรับเดินทางกลับมานอนระทมที่บ้าน
9. เคลียร์งานหรือธุระต่างๆก่อนเดินทาง
การท่องเที่ยวคงไม่สนุกเลยถ้าต้องเดินทาง ท่องเที่ยวไป รับโทรศัพท์ไป มีงานเข้ามาตลอดเวลา สมาธิของท่านจะสูญเสียไปทั้งหมดกับงานที่เข้ามา จนไม่สามารถตักตวงความสุขความสดชื่นของสถานที่ท่องเที่ยวที่ท่านเดินทางไปได้เลย ดังนั้นควรเคลียร์งานต่างๆให้เรียบร้อยก่อนเดินทางเสมอ จะใช้วิธีปิดโทรศัพท์เลยก็ได้ แต่ต้องมีช่องทางหรือเบอร์ใหม่สำหรับให้คนในครอบครัวหรือคนที่เราสนิทจะสามารถติดต่อได้ …. ยกเว้นเจ้านาย ห้ามให้เบอร์นี้เด็ดขาด 5555+
10. เตรียมของกิน
จำเป็นด้วยเหรอของกินเนี่ย ไปหาเอาข้างหน้าก็ได้มั๊ง… สำหรับการไปเที่ยวเมืองใหญ่ๆคงไม่จำเป็นมากนัก แต่ถ้าท่านไปเที่ยวภูเขา น้ำตก หรือสถานที่ไกลๆ ท่านอาจจะไม่สามารถหาร้าน 7-11 ร้านป้าเมี้ยนลุงมาได้ ดังนั้นควรเตรียมของขบเคี้ยว ขนมต่างๆ หรือแม้แต่พวกน้ำพริกกระปุกไปด้วย สำหรับผู้ที่ไปแคมป์ปิ้งยิ่งจำเป็นมาก ควรเตรียมอาหารสด อาหารแห้ง น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสปรุงรส หอม กระเทียม เตาแก๊สปิกนิก ถ้วยชามลามไหไปให้ครบ ไม่เช่นนั้นคงต้องหุงข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่และเอาข้าวใส่ใบตองกินแน่ๆ ^ ^
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางท่องเที่ยว
ควรพกของกินบางชนิดติดตัวไปด้วย
เป็นอย่างไรบ้างครับ 10 สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ยากเลยใช่มั๊ยครับ ส่วนจะต้องเตรียมอะไรมากน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัตุประสงค์ของการท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทางของท่านเอง…

เหงือกบวม เหงือกอักเสบ เกิดจากอะไร วิธีรักษาเหงือกบวมและเหงือกอักเสบอย่างได้ผล

เหงือกบวมหรือเหงือกอักเสบ เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากที่เกิดขึ้นได้บ่อยกับคนทุกเพศทุกวัย ทั้งยังเป็นโรคที่อันตรายมากอีกด้วย โดยคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความสนใจและมองข้ามอาการเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไป โดยคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยปล่อยทิ้งไว้เดี๋ยวคงหายไปเอง แต่แท้ที่จริงแล้วเหงือกบวมเป็นอาการที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ที่สำคัญต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอีกด้วย ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลร้ายแรงได้
เหงือกบวม
โดยเราจะมาทำความเข้าใจกันว่า เหงือกบวมคืออะไร เหงือกบวมเกิดจากอะไร และเหงือกบวมจะทำอย่างไรดี รวมถึงจะรักษาเหงือกบวมได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน…
เหงือกบวมคืออะไร
โรคเหงือกอักเสบ หรือที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีว่า โรคเหงือกบวม คือ โรคที่เกิดจากการตอบสนองของเชื้อโรคที่สะสมรอบๆบริเวณฟัน ซึ่งเป็นปัญหาทางช่องปากที่ก่อให้เกิดโรคปริทันต์ ทั้งยังเป็นสาเหตุของโรคหัวใจอีกด้วย และถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ทำการรักษาอาจลุกลามจนต้องถอนฟันทิ้ง หรืออาจก่อให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
เหงือกบวมเกิดจากอะไร
โดยโรคเหงือกบวม หรือเหงือกอักเสบนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยส่วนใหญ่เหงือกบวมเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ ได้แก่
- แบคทีเรีย ถ้ามีปริมาณมากอาจปล่อยสารพิษออกมาส่งผลให้เกิดอาการเหงือกบวมขึ้นได้
- คราบหินปูน เมื่อมีคราบหินปูนในปริมาณมากจะส่งผลให้เชื้อจุลินทรีย์เกาะบริเวณฟันมากขึ้น และความแข็งของหินปูนก็จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนทิ่มเหงือกส่งผลให้เกิดเหงือกบวม แดงขึ้นได้
- บุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่มีสารเร่งการเกิดคราบหินปูน
- พันธุกรรม
- โรคเบาหวาน
- ยาบางชนิด ได้แก่ ยาคุมกำเนิด ยาต้านอาการซมเศร้า ยาโรคหัวใจ และยาระงับอาการชัก เป็นต้น
- การขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี วิตามินซี และแคลเซียม อาจก่อให้เกิดโรคเหงือกบวมได้
- การดูแลรักษาความสะอาดทางช่องปากผิดวิธี จะทำให้ช่องปากกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค รวมถึงเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดการสะสมของคราบหินปูนมากขึ้น
อาการเหงือกบวม
อาการของโรคเหงือกบวม จะมีลักษณะเหงือกสีแดง บวม รวมถึงรู้สึกเจ็บปวดเมื่อมีสิ่งสัมผัสถูกบริเวณเหงือก มีเลือดออกตามไรฟัน มีกลิ่นปากรุนแรง เนื่องจากเศษอาหารไปสะสมบริเวณเหงือกที่บวม เหงือกร่นส่งผลให้ฟันมีลักษณะยาวขึ้น และในบางกรณีอาจมีหนองไหลออกมาก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเริ่มมีอาการในระยะเริ่มต้นนั้น จะสามารถทำการรักษาได้โดยง่าย แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน อาจลุกลามและก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก ทั้งยังสามารถทำการรักษาได้ยากอีกด้วย
เหงือกบวมเป็นหนอง
โดยอาการเหงือกบวมเป็นหนองนั้น เป็นอาการอย่างหนึ่งของโรคปริทันต์ที่ได้ลุกลามไปมากแล้ว จึงส่งผลให้เหงือกเกิดการอักเสบ มีลักษณะบวมแดง ซึ่งจะต้องรีบทำการรักษาโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจลุกลามจนติดเชื้อและต้องถอนฟันทิ้ง
เหงือกบวมจากอาการปวดฟัน
โดยอาการปวดฟันนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ถ้ามีอาการเหงือกบวมร่วมกับการปวดฟันนั้น อาจเกิดจากเหงือกอักเสบ ซึ่งเป็นผลมากจากปริมาณคราบหินปูนที่มีจำนวนมาก โดยจะส่งผลให้เหงือกบวม และมีอาการปวดบริเวณรอบฟันเป็นอย่างมาก ดังนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยการขูดหินปูน
เหงือกบวมจากฟันคุด
ฟันคุดเป็นปัญหาสุขภาพช่องปากที่อันตรายเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆอีกด้วย โดยเฉพาะโรคเหงือกอักเสบ เนื่องจากเศษอาหารที่ค้างอยู่ใต้เหงือกนั้น ถ้าทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง อาจก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย ส่งผลให้เกิดอาการเหงือกบวม อักเสบขึ้นได้
วิธีแก้และวิธีรักษาเหงือกบวม
โดยเหงือกบวม และเหงือกอักเสบนั้นเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ แต่ถ้าเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งถ้าเป็นในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาได้ด้วยการดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาดอย่างถูกวิธี แต่ถ้าเริ่มรุนแรงมากขึ้น โดยมีอาการอื่นร่วมด้วยควรรีบพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ยังสามารถรักษาได้ด้วยสมุนไพรอีกด้วย
สมุนไพรรักษาเหงือกบวม
โดยมีสมุนไพรหลากหลายชนิดด้วยกันที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการเหงือกบวม เหงือกอักเสบได้ และยังเป็นส่วนผสมสำคัญของยาสีฟันที่ช่วยแก้ปัญหาโรคเหงือกอีกด้วย ได้แก่ ขิง เปลือกทับทิม ใบข่อย ชะเอมไทย เนียมหูเสือ ว่านหางจระเข้ สีเหนียดเหนือ แก่นลั่นทม เป็นต้น เนื่องจากสมุนไพรเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ ที่สำคัญช่วยทำให้สุขภาพเหงือกและฟันแข็งแรง
นอกจากนี้ยังสามารถนำสมุนไพรมารักษาเหงือกบวม เหงือกอักเสบได้โดยตรงอีกด้วย โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ขิงสด : โดยนำขิงสดมาปอกเปลือก จากนั้นบดให้ละเอียด แล้วเติมเกลือเข้าไปเล็กน้อย จากนั้นนำมาทาให้ทั่วบริเวณที่เหงือกบวม เหงือกอักเสบ จะช่วยให้อาการบวมค่อยๆหายไปได้
- เปลือกมังคุด : โดยการนำเปลือกมังคุดไปต้ม จากนั้นนำน้ำที่ต้มมาบ้วนปาก จะช่วยรักษาเหงือกบวมได้ ทั้งยังช่วยลดเหงือกอักเสบและช่วยให้เหงือกแข็งแรงอีกด้วย
- ใบฝรั่ง : เพียงนำใบฝรั่งมาต้มจากนั้นใส่เกลือผสมลงไปเล็กน้อย แล้วกรองเอาเฉพาะน้ำ นำมากลั้วปาก จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและรักษาโรคเหงือกได้
- มะนาว : โดยการนำสำลีชุบน้ำมะนาว แล้วนำมาทาให้ทั่วบริเวณเหงือก นอกจากจะช่วยฆ่าเชื้อแล้ว ยังช่วยลดอาการบวมได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าอาการเหงือกบวมเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้นการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหงือกบวมได้มาก ดังนั้นปัญหาสุขภาพช่องปากจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม โดยควรให้ความดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เพื่อสุขภาพเหงือกและฟันที่แข็งแรง

แม่น้ำในประเทศไทย มีกี่สาย มีแม่น้ำอะไรบ้าง

ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง เหตุผลของความอุดมสมบูรณ์นี้คือประเทศไทยของเรามีแม่น้ำลำคลองกระจายอยู่ทั่วไปประเทศ แม่น้ำในประเทศไทยมีแหล่งกำเนิดมาจากเทือกเขาสูงในภูมิภาคต่างๆ ก่อนจะไหลลงมาก่อเกิดเป็นแม่น้ำที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค การคมนาคมขนส่ง การเกษตรกรรม และเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นต้น
แม่น้ำในประเทศไทย ที่เป็นแม่น้ำสายใหญ่และสำคัญมีทั้งหมด 43 แห่ง หรือ 43 ลำน้ำ กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของไทย โดยรายชื่อแม่น้ำในประเทศไทยเรียงตามตัวอักษรมีดังนี้
1. แม่น้ำกก
2. แม่น้ำกระบุรี
3. แม่น้ำโกลก
4. แม่น้ำโขง
5. แม่น้ำแคว
6. แม่น้ำเจ้าพระยา
7. แม่น้ำชี
8. แม่น้ำตรัง
9. แม่น้ำตาปี
10. แม่น้ำท่าจีน
11. แม่น้ำนครนายก
12. แม่น้ำน่าน
13. แม่น้ำน้อย
14. แม่น้ำบางขาม
15. แม่น้ำบางตะบูน
16. แม่น้ำบางปะกง
17. แม่น้ำปัตตานี
18. แม่น้ำปาย
19. แม่น้ำป่าสัก
20. แม่น้ำปิง
21. แม่น้ำปราจีนบุรี
22. แม่น้ำปราณบุรี
23. แม่น้ำเพชรบุรี
24. แม่น้ำภาชี
25. แม่น้ำเมย
26. แม่น้ำแม่กลอง
27. แม่น้ำมูล
28. แม่น้ำคีรีรัฐ
29. แม่น้ำยม
30. แม่น้ำยวม
31. แม่น้ำรวก
32. แม่น้ำลี้
33. แม่น้ำลพบุรี
34. แม่น้ำลำเชียงไกร
35. แม่น้ำลัดเกร็ด
36. แม่น้ำเลย
37. แม่น้ำวัง
38. แม่น้ำสะแกกรัง
39. แม่น้ำสาละวิน
40. แม่น้ำสาย
41. แม่น้ำสายบุรี
42. แม่น้ำเหือง
43. แม่น้ำอิง
แม่น้ำในประเทศไทยที่เป็นสายเล็กๆหรือเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำสายหลักยังมีอีกมาก ทางเราจะนำมานำเสนอเพิ่มเติมในโอกาสต่อไปครับ ^ ^