วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว

ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว

ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
สำหรับน้ำมันมะพร้าวที่เราเห็นขายทั่วที่ตอนนี้กำลังนิยมในเรื่องของการ ใช้บำรุงผิวที่ดีแล้ว ยังสามารถที่จะใช้รับประทานได้ด้วย สำหรับผลมะพร้าวเองก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์อีกหลายอย่างได้เช่นกัน ในหลายครั้งนั้นนิกวิทยาศาสตร์เองมีความกังวลเรื่องสุขภาพที่มาจากไขมันอิ่ม ตัวซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ทั้งนี้แล้วคนเรายังที่จะต้องการไขมันอิ่มตัวและเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับ สุขภาพที่เสริมสร้างเซล์สมองและระบบประสาท และเป็นผนังไขมันของเซลล์ซึ่งจะทำให้ผิวของเรานั้นมีความชุมซื้น ที่ยังต้องการใช้งานในร่างกาย การเปลี่ยนแปลงแสดงแดดเป็นวิตามิน D แต่ว่านักวิทยาศาสตร์เองก็พยายามหาวิธีที่จะป้องกันและใช้ไขมันอิ่มตัวที่ ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งได้พบกับน้ำมันมะพร้าวนี้เอง เป็นไขมันอิ่มตัวที่ม่ได้เป็นอันตราย สามารถที่จะใช้ประกอบอาหารแทนน้ำมันพืชอื่นๆ แต่ด้วยเป็นน้ำมันที่ได้รับการเคี่ยวจนได้น้ำมันมาใช้เวลา การผลิตยุงยากจึงทำให้มีราคาค่อนข้างแพง แต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งเมื่อเทียบกับน้ำมันงานั้นเอง และนำไปใช้วิธิประยุกต์ในแบบอื่นๆได้ ไม่ว่าจะเป็นการเติมในอาหาร บางคนอาจจะใช้รับประทาน 2 -3 ช้อนชาเป็นประจำ หรืออย่างอื่นที่ใช้แทนน้ำมันพืชชนืดอื่น
สำหรับประโยชน์ในทางสุขภาพอีกอย่าง ช่วงป้องกันโรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ เบาหวาน เป็นน้ำมันที่ไม่สามารถทำให้คนอ้วนได้จึงเมาะสมหรับคนที่ควบคุมน้ำหนัก สามารถที่จะต้องต้านอนุมูลอิสระของร่างกายได้ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนั้นอุดมไปด้วยกรดลอริค (Lauric Acid) ดังนั้นนี้เป็นประโยชน์ที่ช่วยให้ระบบร่างกายของเราอยู่ภายในทำงานได้ดี
เป็นนำมันที่สามารถประเทืองผิวเราได้ สาวๆท่านใดอาจจะมีการทาน้ำมันมะพร้าวอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ผิวเรามีน้ำมีนวล ขึ้นมา ใช้ได้กับหนุ่มๆด้วย และเป็นสิ่งที่ได้จากธรรชาติและใช้ได้ผลดีจริงๆ จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ซ่อมแซมผิวในส่วนที่สึกหรอ ช่วยลบเลือนริ้วรอยที่เกิดจากสิวและจุดด่างดำต่างๆได้เป็นอย่างดี ดังนั้นปัจจุบันขายเป็นเครื่องสำอางค์กันเลย นั้นก็คือประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
สำหรับวิธีการนำนำมันมะพร้าวมาใช้ประโยชน์


– ใช้สำหรับทาผิวแทนโลชั่น เนื่องขากเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพสูงใช้บำรุงผิวได้ดี และรักษาโรคทางผิวได้อย่างเช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคเรื้อน ใช้ได้ทั้วผิวหน้าและผิวกายนะ ยังช่วยป้องกันเราจาพริ้วรอยต่างๆ ให้เรามีผิวอ่อนกว่าวัยได้อย่างไม่ยาก
– ใช้ในการดับกลื่นตัวโดยเฉพาะใต้วงแขนของเรา แป็นสิ่งที่ปลอดภัยไม่ทำให้ดำ ไม่เละเสื้อผ้าของเรา ด้วยการนำผสมกับแป้งข้าวโพด หรือว่าอาจจะผสมน้ำหอมในกลิ่นที่ชื่นชอบได้เช่นกัน
– ใช้เป็นอาหารที่เรากินบ่อยเป็นการเพิ่มความมันได้อย่างปลอดภันไร้อ้วน ไม่ว่าจะเป็นการทอด ที่ใช้ความร้อนไม่สูงมากนัก
– อาหารที่เป็นส่วนหนึ่งของของหวาน เพิ่มความมัน อย่างเช่นสมูมตี้ หรือว่าน้ำปั่นต่างๆ จะใช้ให้มีรสชาติที่ดีขึ้น
– บางใช้น้ำมันมะพร้าวเป้นเครื่องดื่มหรือว่านำไปผสมกับเครื่องดิ่มต่างๆ ให้ความหวานมัน มีนักกีฬาคนหนึ่งเขาได้ใช้น้ำมันมะพร้าวในการดิ่มแทนน้ำ เพื่อวิ่งระยะไกล เขาออกว่าช่วยให้เขาวิ่งได้อย่างไม่เหนื่อย และลดอาการปวดเหมื่อยได้ดี
– ใช้เป็นส่วนผสมของแกงต่างๆ ที่ต้องการความมันได้ดี อย่างเช่นแกงเผ็ด หรือว่าแกงอื่นๆ ตามใจชอบได้


สำหรับประโยชน์ของลุกมะพร้าวเองคงไม่ไช่ไว้ทุบหัวคนอย่างแน่นอน แต่สามารถมีประโยชน์มากกว่านั้น ตามจริงแล้วเป็นประโยชน์ทั้งลูกเลยก็ว่า ไม่ว่าจะเป็นกาบหรือว่า น้ำ กระลา เนื้อ มะพร้าว แม้กะทั้งใบ ประโยชน์มีมากมายหากเรานำไปใช้ ถือได้ว่าเป็นต้นไม้ที่มีสาระพัดประโยชน์จริงๆ

การแพ้อาหาร และการดูแลหากมีอาการแพ้เกิดขึ้น

การแพ้อาหาร

การแพ้อาหาร เราได้ยินและอาจจะเป็นที่ตัวเองกันบ้าง และส่วนใหญ่มักจะมีอาหารที่ตัวเองแพ้ ไม่ว่าจะเป้นการแพ้อาหารทะเล แพ้ผงชูรส แพ้อาหารที่ทำจากเนื้อหรือว่าผักต่างๆ ทำให้มีอาการแพ้การแพ้นี้สามารถที่จะแพ้บ้างเล็กน้อยอาจจะเกิดอาการท้อง เสีย หรือบางคนแพ้หนักมีผื่นขึ้น อาเจียนต้องรีบส่งโรงพยาบาลไม่เช่นนั้นอาจจะถึงเสียชีวิตได้ ซึ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบันมีทั้วสวารพิษและเชื้อโรคต่างๆ เข้ามาในอาหารเราเยอะขึ้นจึงทำให้เกิดอาการแพ้ในหลายอย่าง การพัฒนาภูมิคุ้นกันไม่เสริมตามเซลล์เม็ดเลือกขาวขาดสมดุล จากที่มีเชื้อแบทรีเรียหรือว่าไวรัสเข้าไป ทำให้เกิดการแพ้ที่แตกต่างกัน

สาเหตุที่แพ้ สำหรับสาเหตุนั้นมากจากหลายสาเหตุแต่อาหารที่เราแพ้นั้นจะแตกต่างกันไป การแพ้นั้นจะเกิดจากเราได้รับเชื้ออย่างเช่นแบทรีเรียแล้วก็ไวรัสไปในทาง เดินอาอารที่เราได้รับเข้าไปก็จะถูกดูซึมไปตามลำไส้ของเราพวกเชื้อเหล่านี้ ร่างกายของเราไม่มีภูมิคุ้มกันอยู่ก่อนหรือว่าอ่อนแอในช่วงขณะนั้น สารอาหารที่จะเข้าไปในกระแสเลือดไปทำให้ระบบภูมิคุ้มกันคิดว่ามันผิดปกติ หรือว่าไม่คุ้นเคยจาดเดิมจึงได้มีการต่อต้านเชื้อพวกนั้นหากเราสามารถปรับ สภาพได้การแพ้ก็จะไม่เป็นอีก
อาการของการแพ้ อาหารที่ทำให้แพ้ มีหลายอย่างหลายประเภทอย่างเช่น อาหารทะเล มักเกิดในบ้านเราแต่บางคนก็แพ้แต่กุ้ง หอย กับ ปู หรือว่าปลากินได้ พืชจำพวกถั่วมักจะพบการแพ้ประจำ หรือพวกผักต่างๆ อาหารเริ่มแรกอาจจะมีอาการคันตามเนื้อตัวผื่นขึ้นขึ้น คอแห้ง หิวน้ำ อาเจียน หายใจติดขัด ตามอาการที่รุนแรงไป ระบบทางเดินอาหารปั่นป่วนอาการอาจจะดีขึ้นหากผ่านไประยะ 2 – 3 วันหรือหวกเป็นรุนแรงอาจจะต้องไปพบแพทย์ทันที
จะรู้ได้อย่างไรว่าแพ้อะไรบ้าง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้อาหารชนิดใด ตามจริงจะไประบุโดยตรงเลยก็ไม่ได้เพราะว่าอาหารมีหลายชนิด แต่สามารถทดสอบด้วยวิธีการของแพทย์การจะทำการทดสอบด้วยการตรวจเลือดกับ โปรตีนภูมิคุ้มกัน เพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาได้ หรืออาจจะทดสอบด้วยการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อทดสอบอาหารแพ้ได้
การรักษา สำหรับการแพ้อาหารชนิดต่างๆนั้นไม่สามารถที่จะรักษาได้ได้เพียงแต่หลีก เลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาหารแพ้ มีรักษาทางเลือกด้วยการฝังเข็มวิธีสามารถที่จะช่วยได้ สำหรับการป้องกันการรรักอาหารที่แพ้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการแพ้หรือว่าบางกรณีเราอาจจะทราบว่าเราแพ้อาจจะต้องกินยาแก้ แพ้เพื่อป้องกัน

หน้าที่และความสำคัญของน้ำลาย

drooling-303313_640     

น้ำลายไหลเมื่อเรานึกถึงอะไรที่เปรี้ยวๆ น้ำลายก็จะมีการหลั่งออกมามากกว่าปกตินั้นเป็นอาการที่ใครหลายคนเป็นซึ่งเปิดจากต่อมผลิตน้ำลายออกมา น้ำลายเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในช่องปากของเรา มีลักษณะเป็นเมือ เหลวใส ต่อมน้ำลายจะหลั่งออกมาประมาณ 1 ลิตรต่อวัน มีค่า pH 6.0 – 7.4 น้ำลายยังมีเอนไซม์ ที่มีการย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล น้ำลายเป็นเมือกนี้มีความสำคัญในระบบย่อยอาหารเป็นอย่างมาก โดยน้ำลายจะผลิตจากต่อมทั้งหมด 3 ต่อมดังนี้


ต่อมน้ำลายข้างหู (Parotid glands) เป็นต่อมน้ำลายที่ใหญ่ที่สุด อยู่บริเวณใต้หู ด้านหน้าของแต่ละข้าง สามารถผลิตน้ำลายได้ 25% น้ำลายที่ออกมาจะมีความใส มีอเล็กโทรไลต์และแอมิเลสที่ช่วยย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล โดยจะไหลผ่านท่อที่มีขนาดเล็กไปสู่ขนาดใหญ่ขึ้น หลังออกมาในบริเวณใกล้เคียงฟันกราม 2 ซี่ด้านบนหากเกิดการอักเสบหรือว่าติดเชื้อไวรัสจะเป็นคามทูม
ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร (Submaxillary glands) น้ำลายที่ผลิตจะมีความใสและเป็นเมือก สร้างน้ำลายออกมา 70% ต่อมน้ำลายจะอยู่ระหว่างด้านในของขากรรไกรจะมีท่อลำเลี้ยงมายังบริเวณใต้ลิ้นและหลั้งออกมาจากที่นั้น
ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น (Suldingual Gland) อยู่บริเวณด้านล่างของลิ้นมีขนาดเล็กสุดผลิตน้ำลายได้ 5% โดยมีท่อขนาดเล็กหลายท่อหลั่งออกมาที่ใต้ลิ้นด้านข้างช่วยในการหล่อลื่นอาหาร



หน้าที่ของน้ำลาย

น้ำลายทำหน้าที่ทำให้อาหารนั้นนุ่ม เวลาที่เรากลืนหรือว่าเคี้ยวจะได้ง่ายขึ้นกลืนลงไปจะไม่ฟืดคอ มีเอนไซม์ที่เปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาลเราจึงได้รสหวานเมื่อรับประทานแป้งเข้าไป น้ำลายยังมีแอนติบอดี้ที่มีชื่อว่า อิมมูโนโกลชูลิน ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาดช่วยป้องกันฟันผุได้ น้ำลายจะมีสารต่างๆผสมอยู่อีกเช่น สารอิเล็กโทรไลต์ จะทำให้หลั่งโซเดียม โปเตสเซียมคลอไรด์ ไปคาร์บอเนต

การหลั่งน้ำลายนั้นจะถูกความคุมในระบบประสาทซิมพาเทติกและซิมพาเทติก เป็นส่วนกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย เมื่อได้รับอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรือเพียงแค่นึกถึงรสชาติที่เคยได้รับ ระบบประสาทซิมพาทีติกจะทำงานให้หลั่งน้ำลายออกมามากกว่าปกติ 8 -20 เท่า ทำให้เราได้รับของเปรี้ยวจะมีน้ำลายมาก

น้ำบาดาลหรือน้ำใต้ดิน


    

น้ำบาดาลเป็นน้ำที่อยู่ใต้ดินมีประโยชน์และความสำคัญในหลายด้าน น้ำบาดาลจะอยู่ลึกลงไปหลายเมตร ขึ้นอยู่กับบริเวณที่พบน้ำบาดาลซึ้งอาจจะอยู่หลายกิโลเมตรก็ได้ ปกติแล้วน้ำบาดาลจะพบได้น้อยในพื้นที่รอบหรือถ้าพบก็ลึกลงไปมักจะต้องอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำด้วย ในพื้นที่แห้งแล้งก็อาจจะต้องเจาะลึกลงไปมาก การนำไปใช้ประโยชน์มักใช้ในครัวเรือนในหมู่บ้านที่ไกลแหล่งน้ำ ใช้ในการเกษตร มีความสำคัญต่อชั้นดินมาก วิชาที่ศึกษาเรียกว่า อุทกธรณีวิทยา

ตามที่ได้กล่าวไว้ว่าน้ำบาดาลในแต่ละที่จะมีระดับที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ที่อยู่ไม่ลึกก็ใกล้แหล่งน้ำ บริเวณที่ฝนตกมาก หากบริเวณหุบเขา หากพื้นที่แห้งแล้งเป็นทะเลทรายก็อาจจะต้องเจาะลึกลงไป โดยทั่วไปหากอยู่ในพื้นที่แหล่งน้ำก็ขุดได้ประมาณ 3 – 5 เมตรเรามักขุดเป็นบ่อน้ำเราตัดขึ้นมาใช้ แต่น้ำชนิดนี้มักขึ้นๆ ลงๆ ไปตามฤดูกาล บางที่อาจจะเจาไปหลายร้อยเมตรกว่าจะเจอ ระดับที่ลึกนั้นจะมีคุณภาพน้ำที่แตกต่างกันด้วย สรุปคือ
น้ำบาดาล คือน้ำที่อยู่ไต้ดินลึกลงไป เกิดจาการดูดซึมของดินและกินไหลลึกลงไป จนไปแทรกระหว่างหินและดินลึกลงไป หากมีแรกดันของน้ำที่ต่ำกว่าน้ำใต้ดินที่มีจะเกิดเป็นน้ำพุขึ้นมา มักเกิดขึ้นบริเวณใกล้เคียงภูเขา

น้ำบาดาลเกิดจาก น้ำฝนที่อยู่ชั้นบรรยากาศตกลงมาสู่พื้น กลายเป็นน้ำผิวดิน ส่วนหึ่งก็จะเกิดการซึมลงไปอีกส่วนก็ระเหย หรอรวมตัวกันเป็นแหล่งน้ำต่างๆ แหล่งน้ำเหล่านั้นหากซึมลงไปก็จะถูกเก็บไว้ในชั้นใต้ดินที่ลึกลงไป ตามรูพรุนของหิน ซึ่งลงไปหลายเมตรจนถึงเป็นกิโลเมตร น้ำบาดาลที่อยู่ในหินเรียกว่า น้ำในกิน หากบริเวณที่มีหินหนืดหรือใกล้เคียง เรียกว่า น้ำหินหนืด

น้ำบาดาลสามารถที่จะขุดเจาะได้ตามบริเวณชั้นหินลึกลงไป แต่บางที่อาจจะลึกไม่มากนิยมสูบมาใช้งาน น้ำบาดาลมักจะอยู่ในระดับการซึมเข้าไปถึงและเป็นชั้นที่เก็บน้ำได้ หากลึงลงไปมากกว่า 15 กิโลเมตรมักจะไม่มีน้ำพบแต่ชั้นหินเท่านั้น

ปัจจัยที่ต่างๆของน้ำบาดาลจะมีการกระจายของน้ำและความลึกที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
ความพรุนของหินและดิน เป็นปัจจัยที่กำหนดการเก็บน้ำบาดาล หากมีความพรุนมาจะมีปริมาณของน้ำแทรกตัวอยู่มากการไหลและการเก็บน้ำจะทำได้รวดเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับช่องว่างของหินในแต่ละชนิดอย่างเช่นหินอัคนีมีความพรุนที่น้อยกว่าหินทราย เนื่องจากมีการอัดแน่นกว่า
ความสามารถในการซึมผ่าน การซึมผ่านของน้ำ ผ่านหินต่างๆ จะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความพรุนของหิน ถ้ามีความพรุนมากก็จะมีการซึมผ่านที่รวดเร็ว รวมถึงรูปร่างของหินก็ส่งผลต่อการซึมผ่านด้วย
การแทรกซึม การแทรกซึมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชั้นหิน ขึ้นอยู่กับน้ำผิวดินความพรุนของหอนและชนิดของหิน การแทรกซึมในแต่ละชั้นจะเกิดการอิ่มตัวก่อนที่จะแทรกเข้าไปในชั้นถัดลงไป

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับน้ำใต้ดินได้แก่
การแทรกซึมผ่านของหิน
ปริมาณน้ำที่แรกซึมลงไป
ลักษณะภูมิประเทศ

เขตในชั้นใต้ดินหรือน้ำบาดาลอยู่
เขตของดิน เป็นเขตที่รับน้ำจากบรรยากาศหรือน้ำฝนที่ตกลงมาจะมีมากหรือไม่มีเลยก็ได้ขึ้นอยู่กับฝนที่จะตกน้อยหรือมาก เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามระดับน้ำฝนนั้นเอง
เขตอิ่มตัว น้ำที่ตกลงมาสู่พื้นบางส่วนจะเกิดการอิ่มตัวลงไปในชั้นหินและดินตามช่องว่างที่มี เป็นเขตอขงน้ำบาดาลหรือน้ำใต้ดิน
ระดับน้ำใต้ดินเป็นน้ำที่มีไม่สม่ำเสมอต่ำกว่าน้ำบาดาล มีน้ำตามฤดูกาล และภูมิประเทศ



ระดับน้ำบาดาล

ปกติแล้วระดับของน้ำบาดาลักพบอยู่สองระดับและมีการสำรวจในประเทศไทยเองเช่นเดียวกัน

ชั้นที่ 1 เป็นชั้นที่อยู่ใกล้กับน้ำผิวดินเกิดจากแทรกลงไปของน้ำที่ผิวดิน และจากแหล่งน้ำที่ซึมลงไป มีความลึกประมาณ 40 -150 ฟุต เป็นระดับน้ำบาดาลที่ไม่มีแรงดัน
ชั้นที่ 2 เป็นชั้นที่อยู่ลึกลงไปจากชั้นแรก ชั้นนี้มักมีแรงดินน้ำอยู่ด้วยแล้วแต่บริเวณที่เจาะพบมีความลึกลงไป 350 ฟุต ถ้าระดับ 150 -300 มักจะไม่มีแรงดันของน้ำ ระดับน้ำที่แรงดันหากเจอะจะมีการซึมของน้ำหรือเกิดเป็นน้ำพุได้ ขึ้นอยู่กับความสูงต่ำ
ระดับน้ำ ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศอาจจะมีความแตกต่างกันระหว่างชั้นหินและแรงดันของน้ำด้วย



การเคลื่อนไหวของน้ำบาดาล
การเคลื่อนไหวของน้ำบาดาลปกติน้ำบาดาลจะเคลื่อนไหวอย่างช้า อาจจะวัดเป็นเซนติเมตรต่อวัน โดยน้ำจะไหลไปตามชั้นหินตามแรงดันในแต่ละพื้นที่ และขึ้นอยู่กับรูพรุนของหิน นอกจากนั้นการที่เราสูบก็ทำให้เพิ่มความเร็วของการไหลน้ำได้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากการสูบน้ำทำให้ระดับและความดันของน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำอยู่บริเวณรอบๆ ก็จะลดลงตามไปด้วย

การสำรวจแหล่งน้ำบาดาล
1. การสำรวจทางอุทกธรณีวิทยา เป็นการสำรวจโดยใช้ข้อมูลจากผิวดิน ตรวจสอบโครงสร้างทางธรณีวิทยา และบริเวณภูมิประเทศโดยรอบ
2. สำรวจทางฟิสิกส์ ตรวจสอบจากความหนาแน่นของผิวดิน สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ความต้านทานของไฟฟ้า โดยการปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านชั้นหินต่างๆ ในระดับลึกลงไป หินที่มีและไม่มีน้ำจะมีความต้านทานที่แตกต่างกัน
3. การเจาะสำรวจ โดยการขุดเจาะบริเวณต่างๆ เพื่อทำการสำรวจในชั้นหินและบริเวณอุ้มน้ำ เมื่อก่อนใช้แรงงานคนจั้งตาสองคนขั้นไป เจาะได้เพียงตื้นๆเท่านั้น โดยใช้ท่อประมาณ 2 – 3 นิ้ว เจาะลึกลงไป 15 – 30 เมตรซึ่งมักใช้กับทางด้านการเกษตรและในครัวเรือน แต่มีข้อจำกัดในบางพื้นที่มีหินเหนียวหากแห้งจะไม่สามารถเจาะลงไปได้ ต่อมาจึงใช้เครื่องขนาดเล็กสามารถเจาะได้ลึกขั้นโดยการติดที่หัวเจาะ ทำการสูงน้ำแรงดันสูงไปตามหัวเจาะดินจะออกมาตามน้ำที่ไหลตามขึ้นช่องของท่อ ปัจจุบันมีเครื่องขนาดใหญ่สามารถเจาะได้หลายร้อยเมตร
4. การสำรวจจากภาพทางทางดาวทียม เป็นการตรวจสอบในบริเวณที่กว้าง เพื่อหาตำแหน่งในการขุดเจาะที่ง่ายขึ้น

ผลเสียจากการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้มากเกินไป
การสูบน้ำบาดาลมาใช้ประโยชน์ที่จำกัดคงไม่มีปัญหาอะไร แต่มักมีการสูงมาใช้ในด้านอุสาหกรรมทำให้น้ำที่สูงมานั้นมากขึ้นจนขาดความสมดุลของน้ำใต้ดินทำให้เกิดผลเสียตามมาอย่างเช่นพื้นที่บริเวณกรุงเทพที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน มีการทรุดตัวของดินในทุกๆปี
1. เกิดการทรุดตัวของดิน เนื่องจากชั้นล่างของหินปูนที่มีน้ำแทรกอยู่ช่วยให้หนุนชั้นดินด้านบนไว้หากสูบมาในปริมาณมากจะทำให้น้ำในชันหินลดลงอย่างรวดเร็วทำให้แผ่นดินยุดตัวลง
2. การกัดกร่อน เนื่องจากการสูบน้ำบาดาลขึ้นทำให้เกิดการไหลของน้ำได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมจะทำให้น้ำและตะกอนพัดไปอย่างรวดเร็วและไปทำให้บริเวณชั้นหินเกิดการผุกร่อนจนทำให้เกิดการยุบตัวหรือทิศทางการไหลของน้ำใต้ดินเปลี่ยนแปลงไป และอาจจะเป็นทางน้ำใต้ดิน

การล้างและดูแลรักษาสีรถยนต์ของคุณ

ดูแลรักษาสีรถยนต์

ดูแลรักษาสีรถยนต์

คนที่มีรถยนต์นั้นมักจะดูแลเอาใจรถของตัวเองให้ดู ใหม่เสมอ โดยเฉพาะสีรถที่มีความซีดจางเมื่อเราใช้ไปแล้วนานๆ แน่นอนว่าเจ้าของรถทุกคนไม่ต้องการ ดังนั้นเราควรที่จะรักษาสีรถของเราให้มีความสดใสและดูใหม่เสมอเพื่อคอคนรัก รถ เราจึงมีวิธีการเล็กๆน้อยๆ ฝากไว้ให้เอาไปใช้งานดูนะครับ


– ห้าม ใช้แปลงชนิดแข็งมาล้างทำความสะอาดรถของเรา รวมถึงฟองน้ำด้วยเพราะว่าจะทำให้สีรถของเรานั้นเกิดรอยควรที่จะหลีกเลี่ยง หากต้องการล้างควรให้ผ้าสะอาดที่นุ่มแทน
– ห้ามใช้สบู่หรือว่าสารเคมีอื่นๆที่รุนแรงอย่างเช่นผงซักฟอก ควรใช้น้ำยาล้างรถที่เหมาะสมจะทำให้รถเราเงางามหลังจากที่แห้งแล้วด้วย
– การ ล้างรถควรล้างในที่ร่ม เครื่องยนต์เย็นแล้ว หากพึ่งขับรถมาให้พื้นผิวของตัวรถนั้นเย็นลงก่อน และล้างน้ำธรรมดาล้างสิ่งสกปรกก่อนโดยล้างตั้งแต่บนลงมาด้านล่างของตัวรถ หลังจากนั้นใช้น้ำยาล้างรถต่อไปโดยที่พื้นผิวของสีรถยังเปียกอยู่
– ให้ขี้ผึ้งทำความสะอาดบริเวณตาไฟรถหน้าและหลัง จะทำให้สดใสและใหม่อยู่เสมอ
– เลือกน้ำยาล้างรถให้เหมาะสมกับรถคุณ และอ่านฉลากการผสมให้ละเอียดด้วย
– การทำความสะอาดควรให้ผ้าเปียกอยู่เสมอและทำลงมาจากบนลงล่าง เพราะว่าด้านบนจะมีความสกปรกน้อยกว่า และน้ำจะล้างไหลลงมาด้านล่าง
– การล้างควรที่จะจุ่มน้ำให้บ่อยๆ หลายครั้งยิ่งดี
– การล้างล้อรถ อาจจะต้องใช้แปรงที่เป็นขนอ่อน ทำความสะอาดขัดเบาๆ
– ปล่อยให้รถแห้งหมาดๆ แล้วทำการเช็ดรถทีหลัง
– การจอดรถควรจอกในที่ร่ม และไม่ควรจอดให้ที่บริเวณสารเคมีและสารพิศเจือป่นในอากาศมาก

5 เรื่องไม่สบายอารมณ์ แต่เป็นเรื่องดีถ้าเราคิดบวก ให้อารมณ์ดีได้

48501f230fcedab

5 เรื่องไม่สบายอารมณ์ แต่เป็นเรื่องดีถ้าเราคิดบวก ให้อารมณ์ดีได้

บางที่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ควรเป็นเรื่อง พอโดนความอคติติดลบในใจคิดไปในแง่ลบ เรื่องมันก็เลยเป็นเรื่องขึ้นมา แต่ถ้าหันมาพิจารณาและเหตุผลดีๆ ที่แฟงอยู่ในเรื่องนั้น เรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องร้ายก็จะกลายเป็นเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องร้ายก็จะกลายเป็นเรื่องดีขึ้นมาได้

1.โดนคุณแม่บ่นแต่เข้าเลย !

ความคิด ณ แวบแรก “อะไรกันนักกันหนาคะคุณแม่ พร่ำบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียงดังแต่เข้าเลยอารมร์เสียแถมทำให้การเริ่มตันวันใหม่ของเราย่ำแย่ไปด้วย”

เมื่อคิดบวก “การที่คุณแม่บ่น ยิ่งบ่นถี่เท่าไหร่ยิ่งดี เพราะถือว่าท่านทั้งรักและห่วงเรามาก อย่างน้อยท่านก็ยังคอยดูแลเอาใจใส่ทุกรายละเอียดของเรา ขืนถ้าท่านไม่บ่นสิ ยิ่งน่าแปลกและน่าฉงนว่าท่านอาจไม่รักเราแล้ว หือรักเราน้อยลงก็เป็นไปได้”

2.คุณพ่อเข้มงวดเรื่องเวลากลับบ้าน

ความคิด ณ แวบแรก “โตแล้วจะเข้มงวดเรื่องเวลากลับบ้าน จะต้องตรงเวลาเป๊ะ ไม่ยอมให้เถลไถลหรือไปสังสรรค์ที่อื่นไหนเลย คนเราก็ต้องมีสังคมและกิจกรรมนอกลู่นอกทางบางสิ” แต่ดูเหมือนว่าคุณพ่อจะไม่พยายามเข้าใจอะไรเลย

เมื่อคิดบวก “ที่คุณร่อเข้มงวดเรื่องเวลากลับบ้านก็เพราะท่านเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเราต่างหาก เพราะผู้หญิงกับเวลาที่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ดูเหมือนว่าภัยมืดและอาชญากรรมความเสี่ยงต่างๆ ก็จะเพิ่มขึ้นมาระดับความมืดของราตรี”

3.โดนคุณครูลงโทษให้ไปยืนนอกห้องเรียน

ความคิด ณ แวบแรก “แค่ทำผิดซ้ำแค่นี่ต้องถึงกับลงโทษประจานให้ได้อายคนอื่นกันด้วยการยืนนอกห้องเรียนด้วยหรือ แค่เพื่อนร่วมชั้นก็อายแทบจะแย่อยู่แล้ว แล้วเพื่อฝูงนอกชั้นเรียนแต่ร่วมโรงเรียนเดียวกันอีกล่ะ อายแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีเลยล่ะ”

เมื่อคิดบวก “เพราะการลงโทษหนที่แล้วมันไม่หลาบจำและแถมยังทำซ้ำอีก คุณครูเขาเลยต้องเพิ่มดีกรีความรุนแรงของทบลงโทษไง คนที่ทำผิดจะได้อายแล้ว ไม่กล้าที่จะทำผิดอีก ไม่มีคุณครูท่านไหนที่อยากทำโทษลูกศิษย์ให้ได้เกลียดตัวเอง”

4.เสียงนาฬิกาปลุกสุดแสบแก้วหู

ความคิด ณ แวบแรก “ชีวิตอันวุ่นวายและความปั่นป่วนของวันใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตามก็ขอต่ออีกซักงีบหนึ่งได้ไหม” (แล้วก็เอื้อมมือไปก็เสียงปลุกที่นาฬิกาปลุก)

เมื่อคิดบวก “ลุกแล้วตื่นไว เราก็จะมีเวลาและนาทีของชีวิตมากกว่าคนอื่น”

5.มีผู้ชายหน้าตาไม่ดีมาตามจีบตามตื้อ

ความคิด ณ แวบนั้น “อยากจะไล่เค้าไปๆๆ อะไรประมาณนั้น คนเป็นเป็นคนที่สวย ไม่สนใจหรอก”

เมื่อคิดบวก “ช่วยไม่ได้ที่ศักยภาพความเป็นหญิงของเราจะโดนใจผู้ชายคนใดๆ ทั้งหน้าตาดีและหน้าตาไม่ได้เรื่องพากันตกหลุมรัก อย่างน้อยแม้เราจะไม่สนชายผู้ชายคนนั้น แต่การมีคนชอบก็ดรกว่ามีคนเกลียดนะ”

ถ้ายังไงก็ลองเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ จะได้มีความสุขในชีวิตต่อไป

ขอขอบคุณ : นิตยสาร SPICY

ทายนิสัยจากซูชิที่ชอบ



อาหารญี่ปุ่นเป็นของดปรดติดอันดับนักชิมทั้งหลาย และเมนูซูชิแต่ละแบบ ก็สามารถบอกความเป็นตัวตนของคุณได้ ลองนึกดูซิว่า ล่าสุดคุณเอ่ยปากสั่งซูชิแบบไหนกับคนรับออเดอร์ไปนั่นล่ะ…นิสัยที่แท้จริงของคุณ

ข้าวปั้นหน้ากุ้ง

คุณเป็นคนที่ตกหลุมรักใครง่ายๆ แค่เจอเพียงแวบเดียว หนุ่มสาวหน้ากุ้งก็ปิ้งได้ทันที เพราะใจอ่อนแบบนี้ เลยทำให้เป็นคนเกลียดความเหงาเข้าไส้ ชอบให้ใครๆ เอาใจใส่ดุแล คุณไม่ใช่คนทะเยอทะยาน แค่ขอให้มีอนาคตที่มั่นคง คุณก้พอใจแล้ว

ข้าวห่อสาหร่ายหน้าไข่กุ้ง

คุณชอบความหรูหราเอามากๆ ชอบเดินทางท่องเที่ยว รักอิสรเสรีเหนือสิ่งอื่นใด สาเหตุมาจากการเป็นคนช่างฝัน จึงมีไอเดียฟุ้งอยู่เสมอ

ข้าวปั้นหน้าปลาแซลมอน

คุณเป็นตัวของตัวเอง มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่เวลาโกรธหรือเกลียดอะไร คุรออกตัวแรงเต็มที่ เก็บสีหน้าอาการไม่อยู่เลย เว้นปกติเรื่องหัวใจเนี่ยแหละ จะรักใคร ชอบใคร ดันเก๊กทำหน้าตานิ่งได้เนียนสนิท (แล้วเค้าจะรู้ไหม)

ข้าวปั้นหน้าไข่หวาน

ไอหยา!! คุณนี่จอมเจ้าชู้ตัวยงชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เพราะลึกๆ ในใจคุณมักจะรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย ก้เลยพยายามสร้างจุดเด่นไว้เรียกร้องความสนใจ เลยเลือกไข่หลานที่ดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอม เห็นใครสั่งซูชิหน้านี้ให้ระวังไว้เลยเชียว

ข้าวห่อสาหร่ายไส้แตงกวา

คุณเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายแน่วแน่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม คุณมักจะตั้งความหวังไว้สูง บางครั้งเลยทำให้ดูเป็นคนจุกจิก ช่างเลือกเกินไป จนพลาดโอกาสดีๆ อยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องความรักนี่ล่ะ ยังไงก็ลองปล่อยให้เรื่องราวในชีวิตกลายเป็นเรื่องง่ายๆ วะบ้าง จะได้ไม่ต้องปวดหัว หรือมาบ่นเสียดายภายหลัง

Tip : ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบทานซูชิ แต่หวานใจชอบทาน ก็ลองแอบมองๆดุนะ ว่าเค้าชอบทานแบบไหน

ที่มา : นิตยสาร OHO

7 อาหารต้านเครียด



“You are what eat.” ยังเป็นคำกล่าวที่ใช้ได้ทุกสมัย คนเรากินอะไรเข้าไปก็ได้ผลลัพธ์อย่างนั้น และอาหาร 7 ชนิด ต่อไปนี้ นอกจากจะอิ่มอร่อยแล้วยังช่วยลดความเครียดได้ด้วย

1. ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ พิสตาซิโอ และวอลนัท

รักประทานเป็นประจำพียงวันละ 1 กำมือ จะได้รับวิตามินอีในปริมาณเพียงพอที่จะไปช่วยเสริมภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินบีที่ช่วยรับมือกับความเครียดความตื่นเต้น หรือเป็นกังวลได้อีกด้วย หากต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดหรือน่าตื่นเต้น อย่าลืมให้ถั่วเปลือกแข็งเป็นตัวช่วยนะ

2. อะโวคาโด

ผลไม้สีเขียวเนื้อนุ่มเนียน อันเป็นแหล่งชุมชนด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและโพแทสเซียม ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดความกังวลและความกระวนกระวายได้อย่างดี ทราบหรือไม่ว่า อะโวคาเพียงครึ่งผลนั้นใหเดพแทสเวียนมากถึง 487 มิลลิกรัม ชึ่งมากพอสำหรับความต้องการในแต่ละวัน

3. นมขาดมันเนย

คงทราบกันว่า การดื่มนมอุ่นๆ 1 แก้ว ก่อนนอนช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับและคลายความเมื่อยล้าได้ เพราะแคลเซียมในน้ำนมจะส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวและลดอาการปวดตึง ผู้เชียวชาญจากมหาลัยแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า นมขาดมันเนย 1 แก้วช่วยลดอาการผิดปกติในสตรีวัยหลังหมดประจำเดือนได้ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์แปรปรวน เครียด หงุดหงิดง่าย หรือขาดสมาธิ เป็นต้น

4. ข้าวโอ๊ตหรือข้าวกล้อง

แหล่งพลังงานคาร์โบไฮเดรตและใยอาหารชั้นเยื่ยมคาร์โบไอเดรตช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขที่ชื่อเซโรโทนิน ทุกครั้งที่คุณกินแป้ง สารแห่งความสุขตัวนี้ก็จะค่อยๆหลั่งออกมา แต่ในการรับประทานข้าวโอ๊ตและข้าวกล้องแล้ว สิ่งที่คุณจะได้รับนอกจากสารแห่งความสุขแล้วก็คือใยอาหารที่มีส่วนช่วยในการขับถ่าย

5. ส้ม

แหล่งอุดมวิตามินซี การบริโภควิตามินซีวันละ 3,000 ลิลิกรัมช่วยลดระดับคอร์ติวอลหรือโฮโมนเครียดให้เข้าสู้ระดับปกติได้อย่างรวดเร็ววันใดที่คุณเครียดลองกินส้มดูนะครับ

6. ปลาแซลมอน

กรดไขมันโอเมก้า – 3 ที่มีมากมายในเนื้อปลาแซลมอนเป็นสัตรูตัวฉกาจของฮอร์โมนเครียด เพราะทำหน้าที่กักเก็บไม่ให้เครียดไหลพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ ทั้งยังช่วยบำรุงหัวใจด้วย มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่า ควรรับประทานปลาแซลมอลครั้งละประมาณ 100 กรัม อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยให้สุขภาพดีและไม่เครียดด้วย

7. ผักโขม

เต็มไปด้วยแมกนีเซียมที่ช่วยลดระดับความเครียดหากเราขาดแมกนีเซียมจะทำให้ปวดศีรษะคล้ายไม่เกรนและอ่อนเพลีย ผักโขมเพียง 1 ถ้วยตวงมีปริมาณแมกนีเซียมมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน อย่าลืมให้ผักโขมอยู่ในเมนูอาหารมื้อต่อไปนะ

เห็นไหมครับ ว่าการกินนั้นช่วยให้คุณคลายความเครียดได้ง่ายนิดเดียว

ที่มา : นิตยสาร HEALH & CUISINE

เทคนิคการออกแบบบ้านให้เย็น

เทคนิคการออกแบบบ้านให้เย็น  

บ้านเย็นคนที่อยู่อาศัยก็จะเย็นไปด้วย บ้านเป็นที่อยู่อาศัยในราคาที่แพงดังนั้นก่อนตัดสินใจที่จะซื้อหรือว่าสร้างบ้านนั้นจะต้องคิดให้รอบครอบก่อน การที่จะสร้างหรือว่าซื้ออย่างไรให้ถูกใจอาจจะมีหลายเหตุผลในการเลือกแบบบ้านที่ถูกใจ แต่ต่อไปนี้ทางเราจะแนะนำบ้านที่จะทำให้เย็นเป็นหลัก โดยการแนะนำการออกแบบบ้านให้เหมาะสมต่อสภาพอากาศของบ้านเรา ไม่ใช่สร้างให้เป็นเตาอบขึ้นมาเพื่อเป็นการตัดสินใจในการเลือกบ้านได้ด้วย บ้านที่เย็นนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องติดแอร์ให้สิ้นเปลืองเงิน เปลืองทั้งค่าไฟ เรามาออกแบบให้เย็นจะดีกว่า ซึ่งในปัจจุบันนั้นแบบบ้านจะเน้นความสวยงามและความเหมาะสมอื่นๆไม่ค่อยสนใจเรื่องออกแบบให้เย็นจึงเป็นปัญหาสำหรับคนที่อยู่อาศัยต้องติดแอร์และไม่สามารถติดตั้งหลังได้แต่ถ้าทำบ้านให้เย็นทำได้ทั่วบ้าน การออกแบบบ้านให้เย็นสามารถที่จะให้บ้านเราอยู่ที่ไหนก็เย็นได้ ซึ่งมีคำแนะนำในการออกแบบดังนี้



1.หลังคาบ้าน อันดับแรกที่เราจะต้องดูแลและให้การออกแบบที่ดีนั้นคงไม่พ้นหลังคาที่เป็นส่วนบนสุดของบ้าน รับทั้งแดดและฝน โดยเฉพาะแดดที่เป็นตัวทำให้บ้านร้อน ปัจจุบันหลังจากมีวัสดุหลายอย่างอย่างเช่นสังกะสี กระเบื้อง และอื่นๆ ตามที่จำหน่ายแต่ทีนี้จะมาถึงระบบระบายอากาศในพื้นที่ใต้หลังคา เพราะหากอากาศไม่ระบายออกแล้วพื้นที่ใต้หลังจากจะสะสมความร้อนคงมายังด้านล่างได้ทำให้บ้านร้อน ปัจจุบันในใต้หลังคาและหลังคาเองมีการปูฉนวนกันความร้อนไว้ด้วย ทำให้ลดความร้อนลง แต่ก็ต้องทำให้พื้นที่ใต้หลังคาเราต้องระบายอากาศอยู่ดี การที่จะทำให้พื้นที่ใต้หลังคาได้ระบายอากาศได้ดีนั้นต้องมีช่องระบายอากาศที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างดังรูป





นี้คือตัวอย่างการออกแบบบ้านให้สามารถระบายอากาศได้ดีและถูกต้องเพราะว่าอากาศจะลอยตัวขึ้นสูงเมื่อถูกความร้อน ทำให้อากาศส่วนที่อยู่ด้านบนระบายออกไปได้ง่าย แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแบบนี้ล่ะ มักจะเป็นไม้ระแนงตามชายคาอย่างเดียวมากกว่าจะมีช่วยระบายอากาศด้านบน ซึ่งจะระบายอากาศได้เช่นกันแต่จะระบายได้น้อยกว่า

2. กระจก กระจกในหลายบ้านนำมาทำหน้าต่างและประตู หรือทำเป็นฝาเลยก็มี หลายคนที่นิยมกระจกเพราะว่าสามารถที่จะส่องทะลุออกได้ทั้งภายนอกและภายในทำให้บ้านเรามีความหรูไปอีกแบบ และทำให้บ้านดูกว้างขึ้น และทำให้แสงสว่างจากธรรมชาติเข้าไปโดยที่ไม่ต้องเปิดไฟ แต่เดียวก่อน… กระจกทำให้แสงผ่านก็ทำให้คลื่นและรังสีความร้อนเข้าไปภายในได้ง่ายและมากกกว่า เมื่อเข้าไปแล้วจะออกได้ยากทำให้ความร้อนเกิดสะสมมากขึ้น แต่ว่าปัจจุบันนั้นมีการใช้ฟิล์มเพื่อกรองความร้อนออกไปได้จะช่วยในเรื่องลดความร้อนได้ดี

3. ทิศของบ้าน ทิศของบ้านที่สร้างมีความสำคัญให้บ้านเย็นได้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีลมมรสุมที่เกิดขึ้นเป็นฤดูกาล จึงทำให้มีลมผ่านมายังทิศต่างๆ ในทิศทางที่ลมพัดบ่อยมากที่สุดคือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นช่วงที่มีทิศทางลมพัดผ่านเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นทิศทางที่เหมาะสมในการสร้างบ้านให้หน้าบ้านหันไปทางทิศใต้และหลังบ้านให้หันไปทางทิศเหนือ ลมที่จะพัดในช่วงฤดูร้อนจะเป็นลมที่พัดเข้าทางหน้าบ้าน และลมหนาวก็จะพัดเข้ามาทางหลังบ้าน

4. หน้าต่าง ทั้งหน้าต่างและปะตู เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะรับลมเข้ามาภายในบ้านและทางออกของลมด้วยควรกำหนดให้มีการรับลมและปล่อยลมออกให้พอดี ในทิศทางตำแหน่ง ขนาดให้เหมาะสมกับการระบายอากาศ การให้ช่องหน้าต่างให้มีการรับและผ่านออกให้ได้ตำแหน่งที่สามารถ เข้าออกได้สะดวก ดังตัวอย่างตามภาพ





จากรูปที่ 1 เป็นการออกแบบหน้าต่างผิดเพราะไม่ได้ช่วยให้ลมเข้าออกได้สะดวกเลย แต่รูปที่ 2 เป็นการให้หน้าต่างรับลมเข้าและออกได้อย่างสะดวก รูปที่ 3 เป็นปะตู 1 ช่อง และหน้าต่าง 2 ช่อง ทำให้ลมที่พัดเข้ามาทางประตูสามารถที่จะทะลุผ่านออกหน้าต่างได้ ทำให้บ้านได้รับลมและเย็นมากขึ้น

5. กันสาด หลายคนคงคิดว่ากันสาดเอาไว้กันฝนที่จะสาดลงมาที่แท้สามารถที่จะกันได้ทั้งแดดและก็ฝนด้วย สมัยนี้มีการออกกแบบกันสาดให้ยื่นออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อความสวยงาม แต่ที่จริงแล้วหากต้องการให้กันแดดไปด้วยนั้นควรที่จะให้ยื่นออกไปมากพอสมควร เพื่อที่จะกันแดดไม่ให้ส่องมายังฝาผนังที่เป็นปูนดูดความร้อนเอาไว้นานมาก ควรที่จะติดตั้งกันสาดให้รอบๆบ้าน จะทำให้ลดอากาศร้อนในบ้านได้

6. ฉนวนกันความร้อน ดังที่กล่าวมาในเรื่องของการออกแบบหลังคาที่เราสามารถใช้ฉนวนกันความร้อนที่ใต้หลังคาจะทำให้ลดความร้อนมายังบ้านเราได้และกำลังเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน มีหลายชนิดหลายยี่ห้อและมีราคาที่ต่างกัน วัสดุที่มีอยู่ช่วยในกันความร้อนมากที่สุด คือ ทอง ไทเทเนียม เงิน สามารถสะท้อนและกันความร้อนมากที่สุด และมีราคาแพงมาก แต่ยังมีอลูมิเนียมก็มีประสิทธิภาพด้อยกว่าเล็กน้อย ก็เลยต้องทำการรีดเป็นแผ่นบางๆ แล้วติดกับกาวกับวัสดุอย่างอื่นแล้วมาจำหน่ายให้กับเราเป็นแผ่นใหญ่ก่อนนำมาใช้ก็ตัดให้มีขนาดก่อนนำไปติดใต้หลังคา

หลังจากที่ได้แนะนำกันไปแล้ว ตามบริเวณรอบๆบ้านควรที่จะปลูกต้นไม้เพื่อให้บ้านเราร่มรื่น จะช่วยลดความร้อนให้กับบ้านเราได้เป็นอย่างดี

เล็บบอกโรคอย่างไร

bracelet-791988_640
โรคเกือบทุกโรคมักเกิดจากความผิดปกติของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งละไปกระทบอีกส่วนหนึ่งได้ แล้วยังมีอวัยวะบางส่วนที่ส่งผลกระทบถึงกันได้ด้วย แต่ก็มีหลายโรคที่เชื่อมต่อด้วยกันอย่างเช่นเล็บที่สามารถบอกถึงความผิดปกติของร่างกายได้บางอย่าง อย่างเช่นโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ และยังมีโรคอีกมากที่เล็บสามารถบอกความผิดปกติเกราะมีความเชื่อมโยงกัน การขาดสารอาหารบางอย่างมีผลกระทบกับเล็กได้อย่างเช่นแร่ธาตุและวิตามิน ดังนั้นแล้วการที่เล็บของเรามีความผิดปกติก็บ่งบอกจึงอาการของโรคที่จะตามมาได้เราควรที่จะดูแลเล็บของตัวเองบ่อยๆ
ความผิดปกติของต่อมไทยรอยด์ เช่นไฮเปอร์ไทรอยดิลิซึม หรือไฮไทยนอยลิซึม มีการเชื่อมโยงกับเล็บและต่อมไทรอยด์ มักจะเกิดขึ้นกับเล็บมือจะเป็นนิ้วกลางและนิ้วก้อย เล็บจะมีลักษณะโกรงตัวขึ้นออกจากนิ้วมือ ซึ่งส่งผลทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรียเข้าไปในเล็บได้ง่ายด้วย
หัวใจและหลอดเลือด ปัญหาทั้งหลายเกี่ยวกับหัวใจเช่น ความดันผิดปกติ มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โดยเล็บสามารถบอกถึงความผิดปกติ จะเป็นเส้นเลือดสีแดงอยู่ในเล็บหรือจะเป็นเศษเลือดภายในเล็บ หรือเล็บนุ่มไม่แข็งแรงเหมือนเก่า
ความเครียด มีการพบว่าคนจำนวนไม่น้อยเครียดแล้วจะกัดแทะเล็บตัวเอง ซึ่งจะทำให้เล็บฉีกอาจเหมือนจะไม่ร้ายแรงแต่สามารถนำเชื้อโรคเข้าไปในเล็บได้ง่ายขึ้น ทำให้เล็บติดเชื้อต่างๆตามาได้หากพบว่าคนใกล้ตัวเรากัดเล็บควรที่จะนำไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจว่ามีความเครียดสูงหรือให้ผ่อนคลายบ้าง
โรคเบาหวาน เล็บจะเห็นสีเหลืองมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับการเป็นเบาหวาน โดยจะเหลืองทั้งเล็บและนิ้วมือ แต่จะเห็นได้ชัดเจนที่เล็บ เนื่องจากระดับน้ำตาลมีส่วนเกี่ยวกับกับโปรตีนในเล็บ หากพบว่ามีเล็บที่เหลืองมากกว่าผิดปกติหรือว่าเป็นบากแผลแล้วหายช้า กระหายน้ำบ่อยควรไปพบแพทย์
โรคข้ออักเสบ โรคเกี่ยวกับข้ออักเสบ มักเกี่ยวข้องกับเล็บด้วยเพราะว่าการขาดแคลเซียมและโปรตีนมีผลต่อทั้งเล็บและกระดูก ทำให้เล็บหักง่าย ฉีกง่าย เปราะบาง
โรคสะเก็ดเงิน เล็บจะเหลืองและมีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจะเป็นหลุมลงไป
โภชนาการบกพร่อง เล็บสามารถบอกได้ว่าร่างกายของเราขาดสารได้บางตัว หากต้องการเล็บสวยต้องรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 ไขมัน โปรตีน และเหล็ก หากเล็บซีดและสีขาว มักพบกับคนที่ขาดธาตุเหล็กเป็นโลหิตจาง และได้รับโปรตีนที่น้อยนอกจากนั้นยังพบว่าโรคขาดสารอาหารบางอย่างเหล่านี้จะทำให้เล็บมีรูปร่างที่ผิดปกติด้วย
การติดเชื้อ เล็บเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ปลายนิ้วจะทำให้สัมผัสเชื้อโรคได้ง่าย โดยจะมีลักษณะสีแดงมีอาการคันที่รอบเล็บ เล็บเท้ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากส่วนมากจะเป็นเชื้อรา แบคทีเรีย ถึงแม้จะเป็นแค่ที่เล็บแค่ยังบ่งบอกจึงภูมิคุ้มกันอ่อนแอด้วย เชื้อแบคทีเรียทำให้เล็บไม่น่าดูและหลุดออกมาง่ายหากมีรักษาอาจจะเปลี่ยนรูปไปตลอด

เพิ่มเติม ป้องกันเล็บติดเชื้อ
สวมถุงมือเมื่อต้องนำมือไปสัมผัสสิ่งของสกปรก อย่างเช่นทำความสะอาด ทำสวน
ทำการตัดเล็บให้สั้นพอไม่มากไม่น้อยอย่างสม่ำเสมอ อย่างทำการฉีกเล็บหากพบว่าเล็บฉีกให้ตัดออก
เมื่อเล็บแห้งใช้ครีมหรือน้ำมันทาเล็บเพื่อให้เล็บชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่รุนแรง
ให้ล้างมือด้วยสบู่ที่อ่อนไม่ควรใช้สบู่ที่รุนแรง