วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

10 ค็อกเทลคลาสสิก ยอดรักของนักดื่ม


ใครที่ชอบสังสรรค์ หรือเป็นคอนักดื่มทั้งหลายต้องรู้จักกับค็อกเทล (COCKTAIL) มาบ้างแล้ว ส่วนใครที่ยังสงสัยว่ามันคืออะไร มาลองทำความรู้จักกัน ค็อกเทล (COCKTAIL) ก็คือเครื่องดื่มผสมที่มีเหล้า (มีวัตถุดิบที่เป็นแอลกอฮอล์อยู่เป็นหลัก) แถมยังมีส่วนประกอบอื่นๆ อย่างเช่น น้ำผลไม้, น้ำอัดลม ฯลฯ เข้าไปด้วย ค็อกเทลบางสูตรมักนิยมใช้เหล้าใส่ลงไปอย่างน้อย 1 ชนิด หรืออาจจะมากกว่านั้นแล้วแต่สูตรและสไตล์ของแต่ละคน ซึ่งมักจะนิยมดื่มก่อนการรับประทานอาหารกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะค็อกเทลบางสูตรช่วยให้เจริญอาหาร แถมทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้อีกด้วย และหากย้อนลงไปดูประวัติกันอย่างลึกๆ แล้วหลายคนจะทราบกันดีว่าค็อกเทลมีมาตั้งแต่เนิ่นนานแล้ว และมีหลายสูตรที่ถูกจัดให้เป็นค็อกเทลคลาสสิกที่ทั่วโลกให้การยอมรับ เอ้า!! อยากรู้หรือยังว่ามีสูตรไหนกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วใจเย็นๆ เลื่อนลงไปดูบรรทัดถัดไป แล้วจะเห็นว่าเราเตรียมพร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ ให้กับคุณผู้อ่านอยู่ ...







1. Sidecar







Sidecar เป็นค็อกเทลที่ได้รับความนิยมมากในประเทศฝรั่งเศส ถูกแนะนำโดย MacGarry ผู้ที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์แห่งหนึ่งในผับของลอนดอนซึ่งสูตรดังกล่าวนี้เกิดขึ้นมานานตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1992 ที่ถูกคิดค้นโดยทหารอเมริกันคนหนึ่งในเมืองปารีสนั่นเอง

ส่วนผสม

1. น้ำแข็ง

2. บรั่นดีคอนยัคชนิด V.S.O.P. (very special old pale) 1 ½ ออนซ์

3. Grand Marnier (เหล้าหวานรสส้ม) ½ ออนซ์

4. น้ำมะนาวสด 1/3 ออนซ์

วิธีทำ

เริ่มต้นด้วยการใส่คอนยัคชนิด V.S.O.P.ลงไปในเชกเกอร์ตามด้วย Grand Marnier (เหล้าหวานรสส้ม) เติมน้ำมะนาวและใส่น้ำแข็งลงไปในเชกเกอร์ เขย่าแรงและเร็วให้เข้ากัน แล้วรินใส่แก้วที่เตรียมไว้ตกแต่งแก้วให้สวยงามตามชอบ

2. Margarita







เครื่องดื่มสุดคลาสสิกจากประเทศเม็กซิโก เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1942 โดยเอกลักษณ์ของค็อกเทลชนิดนี้คือการตกแต่ง ที่จะใช้เกลือไปทาไว้ที่ขอบปากแก้ว ทำให้ค็อกเทลมีรสชาติเปรี้ยว หวานและเค็ม ผสมผสานกันจนออกมาเป็นรสที่กลมกล่อม ละมุนยิ่งนัก

ส่วนผสม
1. น้ำแข็ง

2. น้ำมะนาวสด ¾ ออนซ์

3. เหล้า triple sec หรือเหล้า Cointreau 1 ออนซ์

4. เหล้า blanco tequila 1/1/2 ออนซ์

วิธีทำ

ก่อนอื่นนำส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงในกระบอกเชก (ให้ใส่น้ำแข็งลงไปพอประมาณด้วย) จากนั้นก็ทำการเชกจนส่วนผสมเข้าที่ รินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยมะนาวหั่นเป็นวงกลมสักอันก็สวยงามน่าดื่มแล้ว ส่วนเคล็ดลับในการทาเกลือบริเวณขอบปากของแก้วนั้นให้นำมะนาวไปทาวนๆ บริเวณขอบแก้ว แล้วนำไปคว่ำชุบลงบนเกลือเพียงเท่านี้เอง ง่ายไหมล่ะ

3. Mojito







จัดเป็นค็อกเทลที่เก่าแก่และคลาสสิกอีกตัวหนึ่งของประเทศคิวบา ส่วนรสชาติของ Mojito ค่อนข้างมีรสที่ดีออกเปรี้ยวนิดหวานหน่อย และให้ความรู้สึกสดชื่นของใบสะระแหน่

ส่วนผสม

1. ใบสะระแหน่ประมาณ 8 ใบ

2. น้ำแข็ง

3. เหล้าขาว 2 ออนซ์

4. น้ำมะนาว ¾ ออนซ์

5. น้ำเชื่อม 1 ออนซ์

6. โซดาเย็น ½ ออนซ์

วิธีทำ

ขั้นตอนแรกใส่น้ำตาล น้ำมะนาว/มะนาวชิ้นเล็กๆ และใบสะระแหน่ลงไปในแก้วที่เตรียมไว้ จากนั้นให้ใช้หลังช้อนบดส่วนผสมให้เข้ากันโดยไม่ต้องละเอียดมากเกินไป ใส่เหล้ารัมลงไปผสมให้เข้ากันตามด้วยน้ำแข็งและโซดา ตกแต่งให้น่าดื่มด้วยมะนาวฝานหรือใบสะระแหน่ก็ได้ตามชอบ

4. Mint Julep







Mint Julep มีต้นกำเนิดจากบาร์เทนเดอร์ที่มีชื่อว่า Chris Mcmillian เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของใบสะระแหน่ค่อนข้างเยอะ ถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้คุณค่าทางด้านสุขภาพตัวหนึ่งเลยทีเดียว


ส่วนผสม

1. ใบสะระแหน่ประมาณ 8 ใบ

2. น้ำเชื่อม ½ ออนซ์

3. วิสกี้ bourbon 2 ออนซ์

4. น้ำแข็งบด

วิธีทำ

เริ่มด้วยใส่ใบสะระแหน่, น้ำเชื่อมลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้ปลายช้อนบดใบสะระแหน่ให้แหลกเล็กน้อย เติมน้ำแข็งบดและวิสกี้ Bourbon คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ตกแต่งแก้วให้สวยงามด้วยใบสะระแหน่

5. Classic Daiquiri







ค็อกเทลสูตรนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศคิวบาและเป็นค็อกเทลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ส่วนผสม

1. รัมขาว 2 ½ ออนซ์

2. น้ำมะนาว 1 ½ ออนซ์

3. น้ำตาล 4 ช้อนชา

4. มะนาวสด 1 ผล

5. น้ำแข็ง

วิธีทำ

เตรียมอุปกรณ์เชกเกอร์ จากนั้นใส่รัมขาว, น้ำมะนาวและน้ำตาลลงไป (ทำให้น้ำตาลละลาย) ตามด้วยใส่น้ำแข็งแล้วเขย่าจนค็อกเทลเย็น รินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยมะนาวให้สวยงาม

6. French 75







ส่วนใหญ่การทำค็อกเทลของชาวเม็กซิโกจะเป็นสูตรที่ใส่น้ำมะนาวผมกับเหล้า gin แต่สูตรนี้เป็นการคิดค้นขึ้นมาใหม่ของบาร์เทนเดอร์ที่ชื่อว่า New Orleans ที่เปลี่ยนจากการใช้เหล้า gin มาเป็นการใช้คอนยัคแทน

ส่วนผสม

1. น้ำแข็ง

2. คอนยัค (V.S.O.P.) 1 ½ ออนซ์

3. น้ำเชื่อม ½ ออนซ์

4. น้ำมะนาว ½ ออนซ์

5. Sparkling wine (ไวน์ที่มีการอัดก๊าซลงไป)

วิธีทำ

ก่อนอื่นใส่น้ำแข็งลงไปในเชกเกอร์ ตามด้วยคอนยัค,น้ำเชื่อม และน้ำเลมอน จากนั้นเขย่าจนส่วนผสมเข้ากัน รินใส่แก้ว ตามด้วย Sparkling wine ไว้ด้านบนสุด เป็นอันว่าเสร็จพร้อมเสิร์ฟ

7. Cuba Libre







Cuba Libre ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1900 ที่ฮาวานา ประเทศคิวบา และเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วโลกในฐานะค็อกเทลที่ผสมด้วยรัม โคคา-โคลา และน้ำมะนาว

ส่วนผสม

1. น้ำแข็ง

2. รัมขาว 1 1/2 ออนซ์

3. โคคา-โคลา 3 ออนซ์

4. น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา

5. มะนาวหั่น 1 ส่วน

วิธีทำ

ใส่น้ำแข็งในภาชนะแก้วที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป แล้วตกแต่งด้วยมะนาวฝานให้สวยงาม

8. Martini







ค็อกเทล Martini ถือกำเนิดในปี ค.ศ. 1860 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ค็อกเทลสูตรนี้ค่อนข้างมีความเข้มข้นเพราะเป็นเครื่องดื่มที่เน้นเหล้าเป็นพิเศษ และมีหลากหลายสูตร อาทิ Vodka Martini, Dry Martini, Rum Martini ที่นิยมใส่มะกอกดองหรือหอมดองลงไป นอกจากนี้ยังมีสูตรอื่นๆ อีกมากมายให้คอค็อกเทลได้เลือกสรร

ส่วนผสม

1. น้ำแข็ง

2. เหล้า gin 3 ออนซ์

3. vermouth 1 ออนซ์

4. เปลือกมะนาวเป็นเกลียวๆ 1 ส่วน

วิธีทำ

ใส่น้ำแข็งลงในภาชนะแก้วที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่เหล้า gin และ vermouth เขย่าให้เข้ากัน หรืออาจผสมให้เข้ากันแล้วคนก็ได้ ตกแต่งแก้วด้วยมะนาวฝานเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย

9. Daiquiri







เป็นค็อกเทลที่นิยมใช้รัมมาเป็นส่วนผสม ซึ่งมีให้เลือกสรรหลากหลายสูตร อาทิ Daiquiri Banana, Daiquiri Mango, Daiquiri Strawberry ฯลฯ เป็นต้น

ส่วนผสม

1. น้ำแข็ง

2. รัมขาว 2 ออนซ์

3. น้ำมะนาวสด ¾ ออนซ์

4. น้ำเชื่อม ¾ ออนซ์

วิธีทำ

ขั้นตอนแรกให้ใส่น้ำแข็งลงไปในอุปกรณ์เชกเกอร์ ตามด้วยรัมขาว, น้ำมะนาวและน้ำเชื่อม จากนั้นเขย่า (เชก) ให้ส่วนผสมเข้ากันอย่างลงตัว

10. Zombie







ค็อกเทลสูตรนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยฝีมือ Ernest Beaumont-Gantt ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 นับว่านานถึง 83 ปีเลยทีเดียว

ส่วนผสม

1. น้ำแข็ง

2. รัมสีดำ ½ ออนซ์

3. รัม 151-Proof ½ ออนซ์

4. รัมสีเหลืองอำพัน ½ ออนซ์

5. น้ำสับปะรด ¾ ออนซ์

6. น้ำมะนาว ¾ ออนซ์

7. น้ำเชื่อม

8. ใบสะระแหน่

9. เหล้า Velvet Falernum ½ ออนซ์

วิธีทำ

ใส่น้ำแข็งและส่วนผสมทั้งหมดลงในเชกเกอร์ จากนั้นให้เขย่าจนส่วนผสมเข้ากัน รินใส่แก้ว ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ มะนาวฝาน หรือส้มฝาน

*** ข้อควรรู้

-คอนยัค คือบรั่นดี ซึ่งต้องผลิตจากองุ่นที่ปลูกในแคว้นคอนยัค ประเทศฝรั่งเศส มักนิยมบ่มในถังไม้โอ๊กเก่าและใหม่ มีหลากหลายชนิด ส่วนชนิดข้างต้นที่มีชื่อเรียกว่า VSOP (very special old pale) จัดอยู่ในประเภทคอนยัคที่ใช้เวลาบ่ม 4-10 ปี

-เหล้า triple sec คือ เหล้าที่ทำมาจากผิวส้ม มีดีกรี 40% มีกลิ่นหอมและรสชาติหวาน หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป

-Cointreau เหล้าที่มีรสชาติหวานๆ เปรี้ยวๆ ออกกลิ่นส้ม

-blanco tequila เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดกลั่น ดีกรีแรง มีหลากหลายชนิด ส่วนชนิดblanco (เตกีลาขาว หรือเงิน) เป็นเตกีลาที่ไม่ได้ผ่านการบ่ม หรือบ่มน้อยกว่า 2 เดือน

-Sparkling wine คือ ไวน์ที่มีการหมักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปด้วย เมื่อเปิดจะมีฟองพุ่งออกมาคล้ายกับเบียร์

-gin คือ เหล้าสัญชาติอังกฤษ เป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ หมักกับเครื่องเทศหรือสมุนไพรและผลจูนิเปอร์ แล้วนำไปกลั่นซ้ำ

-vermouth คือ เหล้าที่ทำมาจากไวน์ 80% อีก 20% เป็นส่วนผสมของน้ำองุ่น สมุนไพร บรั่นดี รากไม้และเครื่องเทศต่างๆ มี 2 ชนิด คือ หวาน (sweet) และไม่หวาน (Dry)-

-เบอร์เบิ้นวิสกี้ (Bourbon Whiskey) คือ วิสกี้ที่ผลิตในประเทศ "สหรัฐฯ" วิสกี้ไม่เกิน 80 ดีกรี และมีส่วนผสมของข้าวโพด 51% และเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กเกินกว่า 4 ปี

-รัม 151-Proof คือเหล้ารัมที่มีดีกรีสูงมากถึง 75.5 ดีกรี

-รัมสีดำ (Dark Rum) รัมที่มีสีเกือบดำ เก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี และผสมกับคาราเมลที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลจนเป็นสีดำเกือบไหม้
-รัมสีขาว (White Rum หรือ Light Rum ) เป็นรัมที่มีสีใส

-รัมสีทอง (Gold Rum) รัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี หรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมล (Caramel) ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลให้เป็นสีเหลืองทอง

-เหล้า Velvet Falernum คือเหล้าหวานที่กลั่นมาจากเหล้าสปิริตผสมกับสมุนไพร, กานพลู, ถั่วอัลมอนด์ และน้ำตาลอ้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น